
ลองนึกถึงครั้งล่าสุดที่คุณรู้สึกประทับใจกับแคมเปญการตลาดสักชิ้น ทำไมมันถึงตรงใจคุณขนาดนั้น? คำตอบอาจไม่ใช่แค่เรื่องความบังเอิญ แต่เป็นเพราะแบรนด์นั้น ๆ เข้าใจจิตวิทยาและบุคลิกภาพของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
ในโลกการตลาดยุคใหม่ที่ผู้บริโภคต่างแสวงหาประสบการณ์ที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง MBTI (Myers-Briggs Type Indicator) ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือวัดบุคลิกภาพธรรมดา แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์หรือร้านค้าออนไลน์สร้างแคมเปญที่โดนใจ และสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดราวกับอ่านใจพวกเขาออก วันนี้ Carry Fulfillment จะพาคุณไปสำรวจโลกของ MBTI พร้อมแนะนำแนวทางการปรับใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาด ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!
MBTI คืออะไร?
MBTI เป็นเครื่องมือประเมินบุคลิกภาพที่พัฒนาขึ้นโดย Isabel Briggs Myers และ Katharine Briggs โดยอ้างอิงจากทฤษฎีของ Carl Jung นักจิตวิทยาชื่อดัง เครื่องมือนี้แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 16 แบบ โดยวิเคราะห์จาก 4 มิติหลัก:
- วิธีเติมพลัง (E หรือ I)
- คนแบบ E (Extraversion) เหมือนแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟผ่านการพูดคุย เข้าสังคม เวลามีปัญหาก็มักจะชอบปรึกษาคนอื่น
- คนแบบ I (Introversion) เหมือนแบตเตอรี่ที่ต้องการเวลาอยู่คนเดียวเพื่อชาร์จพลัง ชอบคิดทบทวนภายในใจก่อนแชร์กับคนอื่น
- วิธีรับข้อมูล (S หรือ N)
- คนแบบ S (Sensing) เหมือนกล้องถ่ายรูปที่จับภาพความเป็นจริงตรงหน้า ชอบข้อมูลที่จับต้องได้ เน้นประสบการณ์จริง
- คนแบบ N (Intuition) เหมือนจิตรกรที่ชอบวาดภาพจินตนาการ มองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ชอบคิดถึงอนาคต
- วิธีตัดสินใจ (T หรือ F)
- คนแบบ T (Thinking) เหมือนเครื่องคิดเลขที่ตัดสินใจด้วยตรรกะ เน้นความถูกต้อง ยุติธรรม
- คนแบบ F (Feeling) เหมือนเข็มทิศที่ชี้ไปตามค่านิยมและความรู้สึก ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความกลมเกลียว
- วิธีจัดการชีวิต (J หรือ P)
- คนแบบ J (Judging) เหมือนผู้กำกับที่ชอบวางแผน จัดระเบียบ ทำตามขั้นตอน
- คนแบบ P (Perceiving) เหมือนนักสำรวจที่ชอบความยืดหยุ่น เปิดรับโอกาสใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
MBTI ทั้ง 16 ประเภท มีอะไรบ้าง?

- INTJ – ผู้มีเหตุผล (The Architect): มีวิสัยทัศน์ จินตนาการสูง วิเคราะห์เก่ง เชี่ยวชาญการแก้ปัญหาซับซ้อน
- INTP – นักตรรกะ (The Logician): มีความคิดสร้างสรรค์ คิดค้นนวัตกรรม หลงใหลการเรียนรู้
- ENTJ – ผู้บัญชาการ (The Commander): มีภาวะผู้นำสูง กล้าตัดสินใจ มักหาทางออกหรือสร้างทางออกขึ้นมาได้เสมอ มุ่งเน้นผลลัพธ์
- ENTP – นักโต้วาที (The Debater): มีไหวพริบ ช่างคิด ช่างสงสัย ชอบถกเถียง มองเห็นโอกาสใหม่ๆ
- INFJ – ผู้สนับสนุน (The Advocate): เป็นนักฟังที่ดี มองเห็นศักยภาพในตัวผู้อื่น มีความเข้าใจลึกซึ้ง มีอุดมการณ์ ใส่ใจผู้อื่น
- INFP – ผู้ไกล่เกลี่ย (The Mediator): นักกวี อ่อนโยน ใส่ใจรายละเอียดความรู้สึก มีอุดมการณ์ในการช่วยเหลือสังคมและทำให้โลกดีขึ้น
- ENFJ – ผู้เป็นตัวเอก (The Protagonist): มีเสน่ห์ เป็นผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบสร้างแรงบันดาลใจ
- ENFP – นักรณรงค์ (The Campaigner): กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบพบปะผู้คน มีพลังบวก ปรับตัวเก่ง
- ISTJ – นักคำนวณ (The Logistician): น่าเชื่อถือ มีระเบียบ รับผิดชอบสูง ชอบความแน่นอน เป็นระบบ ละเอียดรอบคอบ
- ISFJ – ผู้พิทักษ์ (The Defender): อบอุ่น ใส่ใจรายละเอียด ชอบดูแลผู้อื่น จริงใจ รับผิดชอบ เป็นคนประณีต
- ESTJ – ผู้บริหาร (The Executive): มีระเบียบ ตรงไปตรงมา เป็นผู้บริหารที่ดี ชอบความชัดเจน จริงจัง
- ESFJ – ผู้ให้คำปรึกษา (The Consul): เป็นมิตร ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใส่ใจความรู้สึก เข้าสังคมเก่ง มีน้ำใจ
- ISTP – ผู้มีความสามารถโดดเด่น (The Virtuoso): ช่างสังเกต มีทักษะทางเทคนิค ช่างประดิษฐ์ ชอบลงมือทำ
- ISFP – นักผจญภัย (The Adventurer): มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นศิลปินทรงเสน่ห์ อ่อนไหว รักอิสระ ชอบทดลอง
- ESTP – นักประกอบการ (The Entrepreneur): กล้าเสี่ยง มีพลัง ชอบความตื่นเต้น เป็นนักปฏิบัติ ชอบแข่งขัน
- ESFP – ผู้มอบความบันเทิง (The Entertainer): สนุกสนาน เป็นมิตร ชอบเข้าสังคม มีเสน่ห์ ชอบความสนุก ใจกว้าง
MBTI Marketing คืออะไร?
เมื่อนำ MBTI มาประยุกต์ใช้กับการตลาด เราเรียกว่า MBTI Marketing ซึ่งเป็นการใช้ความเข้าใจเรื่องบุคลิกภาพมาออกแบบการตลาดให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ลองนึกถึงการที่คุณต้องซื้อของขวัญให้เพื่อน 5 คนที่มีบุคลิกแตกต่างกัน คุณคงไม่เลือกของขวัญชิ้นเดียวกันให้ทุกคน การทำการตลาดก็เช่นกัน การเข้าใจความแตกต่างของลูกค้าผ่าน MBTI จะช่วยให้ร้านค้า พ่อค้าแม่ค้า สามารถสื่อสารและนำเสนอสินค้าได้ตรงใจมากขึ้น
ประโยชน์ของ MBTI ต่อการตลาด
การทำความเข้าใจ MBTI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพัฒนาตัวเอง แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักการตลาดที่ต้องการเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง โดยนักการตลาดหรือร้านค้าออนไลน์ก็สามารถนำ MBTI ไปปรับใช้ได้ดังนี้
1. ช่วยสร้างข้อความการตลาดที่ตรงใจ (Personalized Messaging)
บุคลิกภาพที่แตกต่างกันของผู้บริโภคมีผลต่อวิธีการรับข้อมูลและการตัดสินใจซื้อ การใช้ MBTI ช่วยให้นักการตลาดออกแบบข้อความที่สอดคล้องกับวิธีคิดของกลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น แบรนด์เครื่องดื่มอาจสื่อสารกับกลุ่ม Extraversion ด้วยข้อความ “แชร์ความสดชื่นกับเพื่อน ๆ ในปาร์ตี้สุดมันส์!” ขณะที่สื่อสารกับกลุ่ม Introversion ด้วยข้อความ “ดื่มด่ำกับช่วงเวลาพิเศษส่วนตัวของคุณ” โดยใช้ช่องทางอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่แยกกลุ่มผู้รับตามบุคลิกภาพ
2. พัฒนากลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่เข้าถึงผู้บริโภค (Targeted Social Media Strategy)
แต่ละบุคลิกภาพมีพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้ช่วยให้เลือกช่องทางและรูปแบบเนื้อหาได้เหมาะสม เช่น กลุ่ม Sensing มักชอบข้อมูลที่เป็นรูปธรรม การนำเสนอวิธีใช้ผลิตภัณฑ์แบบละเอียดผ่าน YouTube จะได้ผลดี ขณะที่กลุ่ม Intuition อาจตอบสนองดีกับ Instagram Stories ที่เล่าเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจเป็นต้น
3. เพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบสินค้าและบริการ (Product and Service Design)
การเข้าใจ MBTI ช่วยให้นักการตลาดและนักออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มบุคลิกภาพได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะในการออกแบบฟีเจอร์และประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้าอาจออกแบบคอลเลคชันที่นำเสนอข้อมูลเชิงเทคนิค อย่างคุณสมบัติการระบายอากาศและความคงทนของผ้าสำหรับกลุ่ม Thinking ขณะที่กลุ่ม Feeling อาจสนใจเรื่องราวของชุมชนที่ทอผ้าและการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเข้าใจความแตกต่างนี้ช่วยให้แบรนด์สร้างประสบการณ์ที่ประทับใจและได้รับความภักดีจากลูกค้า (Customer Loyalty) ในระยะยาว
4. ช่วยสร้างทีมการตลาดที่มีประสิทธิภาพ (Team Alignment)
MBTI ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจลูกค้า แต่ยังช่วยจัดวางบทบาทในทีมการตลาดให้เหมาะสมกับจุดแข็งของแต่ละคน เช่น มอบหมายให้ทีมที่มีบุคลิก Judging ดูแลการวางแผนและติดตามผลแคมเปญ ขณะที่ให้กลุ่ม Perceiving รับผิดชอบการสร้างสรรค์เนื้อหาและตอบสนองต่อเทรนด์ที่เกิดขึ้นแบบทันท่วงที
5. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาว (Customer Relationship Management)
การใช้ MBTI ในการออกแบบโปรแกรม CRM ช่วยให้แบรนด์สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟอาจจัดทำโปรแกรมสมาชิก VIP ที่มอบสิทธิพิเศษแตกต่างกัน โดยเสนอส่วนลดและของสมนาคุณที่จับต้องได้สำหรับกลุ่ม Thinking และจัดกิจกรรมพิเศษที่สร้างความประทับใจสำหรับกลุ่ม Feeling เป็นต้น
ตัวอย่างการนำ MBTI มาใช้ในการตลาด
Villa Market
คอนเทนต์จากวิลล่ามาร์เก็ต ที่ผสมผสาน MBTI เข้ากับพฤติกรรมการซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเข้าใจว่าแต่ละบุคลิกภาพมีความชื่นชอบและความต้องการที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น กลุ่ม ENFJ ที่มีบุคลิกชอบแบ่งปันอาจสนใจซื้อวัตถุดิบทำอาหารจำนวนมากเพื่อเตรียมมื้ออาหารให้ครอบครัวและเพื่อน ในขณะที่ INTJ ที่มีความเป็นนักวางแผนอาจให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสูงและจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกลุ่มสินค้าตามลักษณะนิสัยพื้นฐาน เช่น ชาอุ่นๆ สำหรับกลุ่ม Introvert ที่ชอบความสงบ และขนมขบเคี้ยวสำหรับปาร์ตี้สำหรับกลุ่ม Extrovert ที่ชอบสังสรรค์
การนำเสนอในรูปแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจตนเองมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกและน่าค้นหา พร้อมกับการเพิ่มความสะดวกด้วยบริการจัดส่งถึงบ้าน ทำให้การซื้อของกลายเป็นกิจกรรมที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างลงตัว
Jeju Beer
Jeju Beer สร้างปรากฏการณ์ในวงการเครื่องดื่มด้วยการนำ MBTI มาประยุกต์ใช้ในการตลาดอย่างสร้างสรรค์ แม้แนวคิดการใส่ตัวตนลงบนผลิตภัณฑ์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Jeju Beer ก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการจับคู่บุคลิกภาพ MBTI ทั้ง 16 แบบกับรสชาติเบียร์ที่แตกต่างกัน 4 รสชาติ
แคมเปญ “What’s Your Beer MBTI?” ของพวกเขาไม่ได้แค่ขายเบียร์ แต่สร้างประสบการณ์การค้นหาตัวตนผ่านรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น Wit Ale รสนุ่มละมุนสำหรับ INFP หรือ Pellong Ale รสจัดจ้านสำหรับ ENTJ พร้อมปรับโทนการสื่อสารให้เข้ากับแต่ละกลุ่ม ทั้งการใช้ภาษาที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกหรือข้อมูลเชิงเทคนิค
ความสำเร็จของแคมเปญนี้เห็นได้ชัดจากยอดขายที่พุ่งสูงถึง 400,000 กระป๋องภายในเพียง 2 สัปดาห์ นี่แสดงให้เห็นว่าการผสมผสานความเข้าใจด้านจิตวิทยาผู้บริโภคเข้ากับการสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่แปลกใหม่ สามารถสร้างกระแสและยอดขายได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่สะท้อนความเป็นตัวตนของตัวเอง
MBTI เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารที่ตรงใจ การเลือกช่องทางโซเชียลมีเดียที่เหมาะสม หรือการออกแบบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์แต่ละบุคลิกภาพ การนำ MBTI มาประยุกต์ใช้จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมและเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย นำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ส่งผลให้แบรนด์มีจุดแข็งที่โดดเด่นและได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนสำหรับร้านค้าออนไลน์ร้านไหนที่มีออเดอร์เข้ามามากมายจากการปรับใช้ MBTI ในการตลาด จนจัดการไม่ทัน ก็อย่าลืมนึกถึง Carry Fulfillment กันนะครับ เราช่วยร้านคุณจัดการได้ทุกขั้นตอน ทั้งจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้าให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทําให้ร้านค้า ประหยัดเวลาในการจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหมื่นออเดอร์ เราพร้อมให้บริการครบวงจรที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ