what is impression

ในโลกการตลาดดิจิทัล คำว่า “Impression” น่าจะเป็นคำที่หลายคนที่ทำการตลาดออนไลน์ได้ยินบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นในแคมเปญโฆษณาออนไลน์ โซเชียลมีเดีย หรือเวลาที่เราดูผลลัพธ์การทำงานของเว็บไซต์ต่าง ๆ การเข้าใจว่า Impression คืออะไร จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ผลการตลาดได้ดีขึ้น แถมยังช่วยในการวางแผนและปรับกลยุทธ์โฆษณาให้เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น

วันนี้ Carry Fulfillment จะพาไปทำความเข้าใจ Impression ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมถึงสำคัญในโลกการตลาดออนไลน์ พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่ม Impression ให้แคมเปญการตลาดของคุณ! ถ้าพร้อมกันแล้ว ไปดูกันเลย!


Impression คืออะไร?  

ในโลกของการตลาดดิจิทัล Impression นั้นคือการที่โฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณถูกแสดงบนหน้าจอของผู้ใช้ทุกครั้งที่มีการโหลดขึ้นมา นั่นหมายความว่า ทุกครั้งที่โฆษณาปรากฏ ไม่ว่าจะมีการคลิกหรือไม่ ก็ถือเป็นหนึ่ง Impression

Impression คือตัวที่ใช้วัดจำนวนครั้งที่คอนเทนต์ของคุณถูกแสดง โดยไม่ได้หมายความว่าผู้ชมสนใจหรือคลิกที่โฆษณา แค่เพียงเห็นโฆษณาบนหน้าจอก็ถือว่านับแล้ว ซึ่ง Impression ช่วยบอกว่าแคมเปญของคุณถูกเห็นมากแค่ไหน แต่ไม่ได้บอกว่าผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับคอนเทนต์นั้น ๆ

asian businesswoman planning marketing strategies

Impression ทำงานอย่างไร?  

ทุกครั้งที่โฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณปรากฏขึ้นบนหน้าจอของผู้ใช้ ระบบของแพลตฟอร์มจะนับ Impression โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณรันโฆษณาบน Facebook และมีคนเห็นโพสต์ของคุณเป็นครั้งแรก ระบบจะนับเป็นหนึ่ง Impression หากผู้ชมคนนั้นเห็นโฆษณาของคุณอีกในภายหลัง ระบบก็จะนับเป็นอีกหนึ่ง Impression แม้ว่าจะเป็นผู้ใช้คนเดิมก็ตาม

ความแตกต่างระหว่าง Impression และ Reach

หลายคนอาจสงสัยว่า Impression กับ Reach ต่างกันยังไง เพราะสองคำนี้มักถูกใช้คู่กันในการวิเคราะห์แคมเปญโฆษณา เราจะมาทำความเข้าใจกันง่าย ๆ ดังนี้

Reach 

จำนวนคนที่เห็นโฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เป็นตัวที่ใช้บอกว่าคุณเข้าถึงคนได้กี่คน แต่ไม่ได้บ่งบอกว่าคนเหล่านั้นเห็นกี่ครั้ง

Impression 

จำนวนครั้งที่คอนเทนต์ของคุณถูกแสดงให้ผู้ใช้เห็น ไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะเห็นกี่ครั้งก็นับทุกครั้งเป็น 1 Impression

ตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณมี Reach 1,000 หมายความว่าผู้คนจำนวน 1,000 คนเห็นโฆษณาของคุณ แต่ถ้าคุณมี Impression 5,000 แปลว่าคนบางคนอาจเห็นโฆษณาซ้ำหลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นเพราะคอนเทนต์ถูกแสดงผลหลายครั้งจากหลายช่องทาง 


ประเภทของ Impression

1. Viewable Impression 

Viewable Impression เกิดขึ้นเมื่อโฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณปรากฏในตำแหน่งที่ผู้ใช้มองเห็นได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่โหลดขึ้นมาแล้วเลื่อนผ่านไปเหมือนไม่มีตัวตน ตัวอย่างเช่น ใน Google Ads ระบบจะนับเป็น Viewable Impression เมื่อโฆษณาโผล่มาอย่างน้อย 50% ของพื้นที่บนหน้าจอ และอยู่ค้างนานพอ อย่างน้อย 1 วินาที ถ้าเป็นโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ จะนับเมื่อเล่นไปแล้วอย่างน้อย 2 วินาทีในจุดที่ผู้ใช้เห็น ทำให้โฆษณามีโอกาสเข้าถึงผู้ชมจริง ๆ มากขึ้น  

2. Served Impression

Served Impression เป็น Impression ที่เกิดขึ้นเมื่อโฆษณาถูกโหลดขึ้นในเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้ แต่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าผู้ใช้เห็นโฆษณานั้นจริง ๆ ระบบจะนับทุกครั้งที่โฆษณาถูกโหลด แม้ว่าผู้ใช้อาจไม่เลื่อนหน้าจอมาถึงจุดที่โฆษณาถูกแสดงก็ยังนับเป็น Served Impression

Served Impression จึงมักถูกใช้วิเคราะห์ประสิทธิภาพของโฆษณาในระดับการส่งถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่เน้นว่าผู้ใช้จะได้เห็นเนื้อหานั้นจริง ๆ หรือไม่


people using social media

ความสำคัญของ Impression ต่อการตลาดออนไลน์

สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)

Impression ช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมาย แม้ผู้ชมจะไม่ได้ทำการคลิกที่โฆษณาหรือคอนเทนต์ในทันที แต่การเห็นแบรนด์ของคุณบ่อยครั้งช่วยให้พวกเขาจดจำได้ดีขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการสินค้าที่ร้านคุณนำเสนอ พวกเขามีโอกาสที่จะนึกถึงร้านของคุณ

เพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วม (Engagement)

แม้ว่าการแสดงผลเพียงอย่างเดียวจะไม่การันตีว่าผู้ชมจะคลิกหรือมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของคุณ แต่การที่โฆษณาแสดงบ่อยครั้งก็เพิ่มโอกาสที่ผู้ชมจะเริ่มสนใจและคลิกเข้าไปดูรายละเอียดมากขึ้น ความถี่ที่เพิ่มขึ้นของ Impression จะกระตุ้นความสนใจและทำให้ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายตัดสินใจคลิกในครั้งต่อ ๆ ไป

ช่วยในการวัดผลและวิเคราะห์แคมเปญ

Impression เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการวัดผลการตลาดออนไลน์ เพราะช่วยให้เหล่าพ่อค้า แม่ค้า นักการตลาด เข้าใจว่าคอนเทนต์หรือโฆษณาเข้าถึงผู้คนได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ยังเป็นตัวชี้วัดในการเปรียบเทียบกับการมีส่วนร่วมอื่น ๆ เช่น การคลิกหรือการมีส่วนร่วมว่าคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปหรือไม่ การวิเคราะห์ข้อมูล Impression จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เสริมประสิทธิภาพในการทำ Re-targeting

Impression มีบทบาทสำคัญในแคมเปญ Re-targeting ซึ่งเป็นการโฆษณาเพื่อแสดงผลให้กับผู้ที่เคยเห็นหรือเคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณแล้ว การที่โฆษณาปรากฏต่อผู้ชมซ้ำ ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่เคยเข้ามาดูสินค้ากลับมาตัดสินใจซื้ออีกครั้ง

การสร้างความจดจำและความน่าเชื่อถือ

การที่โฆษณาหรือคอนเทนต์ของคุณถูกแสดงให้ผู้ชมเห็นซ้ำ ๆ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือในแบรนด์ เมื่อผู้คนเห็นแบรนด์ของคุณหลายครั้ง พวกเขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับแบรนด์และมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมากขึ้น


couple online shopping with credit

เคล็ดลับในการเพิ่ม Impression สำหรับโฆษณาหรือคอนเทนต์ของร้านค้าคุณ

1. เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุด  

การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก เพราะถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณไม่ใช่กลุ่มที่สนใจในสินค้า การแสดงผลโฆษณาจะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ลองใช้เครื่องมือการเลือกกลุ่มเป้าหมายในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Ads, Google Ads เพื่อเจาะจงไปยังกลุ่มที่สนใจในสินค้าของร้านค้าของคุณโดยเฉพาะ เช่น เพศ อายุ พื้นที่ หรือความสนใจ

2. เพิ่มความถี่ในการแสดงผล (Frequency) 

การเพิ่มความถี่ของโฆษณาทำให้ผู้ชมเห็นโฆษณาของร้านคุณซ้ำ ๆ จะช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น การที่ผู้ใช้เห็นคอนเทนต์ซ้ำ ๆ จะช่วยกระตุ้นความสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเป็นสินค้าที่ต้องใช้เวลาตัดสินใจ การแสดงผลหลายครั้งจะเพิ่มโอกาสในการคลิกหรือซื้อ

3. ใช้คอนเทนต์ที่ดึงดูดและน่าสนใจ 

คอนเทนต์ที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่ม Impression ควรใช้ภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง เนื้อหาที่กระชับและตรงใจผู้ชม ลองใช้เนื้อหาที่มีความคิดสร้างสรรค์  เช่น เรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจ การเล่าเรื่องผ่านวิดีโอสั้น หรือการใช้กราฟิกที่ดึงดูดความสนใจ

4. เพิ่ม Impression ด้วยหลายช่องทาง 

อย่าจำกัดตัวเองแค่เพียงช่องทางเดียว! การใช้หลายแพลตฟอร์มช่วยให้คอนเทนต์หรือโฆษณาของคุณมีโอกาสแสดงผลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, YouTube หรือ Google Display Network แคมเปญที่มีหลายช่องทางจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้ชมได้หลากหลายยิ่งขึ้น

5. โพสต์คอนเทนต์ในเวลาที่ผู้ใช้มีการใช้งานสูงสุด 

เวลาที่คุณโพสต์คอนเทนต์หรือรันโฆษณามีผลต่อ Impression มาก ลองศึกษาเวลาออนไลน์ของกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น โพสต์ในช่วงเช้า ช่วงพักกลางวัน หรือช่วงเย็นที่คนมักจะใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย วิธีนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงผลและดึงดูดความสนใจได้มากขึ้น

6. ปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์และคอนเทนต์ 

SEO ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกับการค้นหาใน Google เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเข้าถึงของผู้ใช้จากหลากหลายช่องทางด้วย การทำให้คอนเทนต์ของร้านคุณเป็นมิตรกับ SEO จะช่วยเพิ่มการค้นพบและ Impression บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คีย์เวิร์ด การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มประสิทธิภาพของภาพหรือวิดีโอ

7. ใช้การโฆษณาแบบ Re-targeting  

การโฆษณาแบบ Re-targeting จะช่วยเพิ่มจำนวน Impression จากกลุ่มที่เคยเห็นหรือมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณแล้ว การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้โฆษณาของคุณแสดงผลซ้ำ ๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสสนใจสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการคลิกและการมีส่วนร่วมมากขึ้น

8. เน้นใช้วิดีโอและคอนเทนต์เชิงภาพ 

วิดีโอและคอนเทนต์ที่มีภาพเคลื่อนไหวมีแนวโน้มที่จะดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าภาพนิ่ง ลองเพิ่มวิดีโอสั้น ๆ หรือคอนเทนต์แบบ Reels, Stories ซึ่งเป็นที่นิยมบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในทุกวันนี้ จะช่วยเพิ่ม Impression ได้อย่างมาก


ในฐานะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ การทำความเข้าใจเรื่อง Impression เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้เห็นว่าโฆษณาหรือคอนเทนต์ของร้านค้าถูกแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นมากแค่ไหน ยิ่งเข้าใจการทำงานของ Impression มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถนำข้อมูลนี้ไปปรับแผนการตลาดได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า สร้างการรับรู้แบรนด์ และสุดท้ายก็อาจส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

สำหรับร้านค้าออนไลน์ร้านไหน ที่มีออเดอร์เข้ามามากมายจนจัดการไม่ทัน ก็อย่าลืมนึกถึง Carry Fulfillment กันนะครับ เราช่วยร้านคุณจัดการได้ทุกขั้นตอน ทั้งจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้าให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทําให้ร้านค้า ประหยัดเวลาในการจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหมื่นออเดอร์ เราพร้อมให้บริการครบวงจรที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ!