product photography tips for online sellers

ในยุคที่ลูกค้าตัดสินใจจากภาพก่อนคำบรรยาย การมีรูปสินค้าสวย ๆ คือหัวใจสำคัญของร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะขายบน Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือแม้แต่บนหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง หากภาพดูไม่ดึงดูด แสงไม่ดี หรือจัดองค์ประกอบไม่สวย ก็อาจทำให้ลูกค้าเลื่อนผ่านโดยไม่ทันได้อ่านรายละเอียดสินค้า

วันนี้ Carry Fulfillment ขอพาร้านค้าออนไลน์มารู้จักกับ “วิธีถ่ายรูปสินค้า” แบบมือโปร ที่ไม่ต้องมีสตูดิโอ ไม่ต้องจ้างช่างภาพก็ถ่ายได้เอง! พร้อมเทคนิคเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้ภาพสินค้าของคุณดูดี มีเสน่ห์ และกระตุ้นยอดขายได้จริง


ทำไมภาพสินค้าสวย ๆ ถึงสำคัญต่อร้านออนไลน์?

ก่อนจะไปลงลึกเรื่องเทคนิค มาดูเหตุผลกันก่อนว่าเพราะอะไรรูปสินค้า ถึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ

  • ภาพคือ First Impression: ลองคิดตามง่าย ๆ ว่าตอนที่คุณกำลังไถแอปช้อปปิ้งแล้วเจอสินค้าหลายชิ้นเรียงกัน ภาพไหนดูชัด สีสวย จัดองค์ประกอบดี ก็จะดึงดูดสายตาให้หยุดดูทันทีโดยอัตโนมัติ เพราะ ภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ลูกค้าอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือแบรนด์อะไร หรือขายอะไรแน่ ๆ แต่ภาพสินค้านี่แหละ ที่เป็นด่านแรกในการเรียกความสนใจ ก่อนที่เขาจะคลิกเข้ามาดูรายละเอียดด้วยซ้ำ
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: รูปที่จัดแสงดี คุมโทนสีเป๊ะ และมีความละเอียดสูง จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าร้านนี้ดู “มือโปร” ไม่ใช่ร้านสมัครเล่นที่ขายของเล่น ๆ ยิ่งถ้าสินค้ามีหลายร้านขายเหมือนกัน ภาพดี ๆ จะช่วยให้ร้านคุณดูน่าเชื่อถือกว่าแบบไม่ต้องพูดอะไรเยอะเลย
  • กระตุ้นการแชร์: ลูกค้าหลายคนชอบแคปรูปสินค้ามาแชร์ในโซเชียล ส่งต่อให้เพื่อน หรือเซฟเก็บไว้ในโทรศัพท์ โดยเฉพาะของสายแฟชั่น สายบิวตี้ หรือของแต่งบ้าน ภาพที่สวย น่ามอง มีไอเดียการจัดวางดี ๆ จะช่วยให้สินค้าคุณกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ง่ายขึ้น และนั่นหมายถึง โอกาสส่งต่อ แบบฟรี ๆ โดยไม่ต้องยิงแอด!
  • ลดอัตรการคืนสินค้า: ภาพสินค้าที่ดี ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องให้รายละเอียดที่ครบด้วย ไม่ว่าจะเป็นสีจริง ผิวสัมผัส ขนาด เพราะเมื่อลูกค้าเข้าใจตรงกับสิ่งที่ได้รับจริง ๆ ก็จะช่วยลดปัญหา “ของไม่เหมือนในรูป” หรือ “ไม่ตรงปก” ได้เยอะมาก แถมยังลดต้นทุนเรื่องการจัดการคืนสินค้าอีกด้วย

อุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ถ่ายรูปสินค้าได้แบบมือโปร

สำหรับร้านค้าที่เพิ่งเริ่ม ต้นทุนไม่เยอะ อาจไม่จำเป็นต้องมีกล้องราคาแพง แค่ใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ ที่หาได้ในบ้านให้เป็น ก็ได้ภาพสินค้าสวยแบบมืออาชีพได้เลย

  • สมาร์ทโฟน: ปัจจุบันกล้องมือถือมีความละเอียดสูงมาก ถ้าเปิดโหมดโปรได้จะช่วยให้ควบคุมแสง สี และโฟกัสได้ดีขึ้น
  • ขาตั้งโทรศัพท์ / ขาตั้งกล้อง: ทำให้ภาพไม่สั่น ไม่เบลอ และยังช่วยให้ถ่ายมุมเดิมซ้ำ ๆ ได้ หากต้องการถ่ายสินค้าหลายชิ้นในเซ็ตเดียวกัน
  • แผ่นรีเฟลกซ์หรือกระดาษขาว: ใช้สะท้อนแสงเข้าหาตัวสินค้า เพื่อให้แสงนุ่ม ไม่เกิดเงาแข็ง ๆ ที่ทำให้ภาพดูแข็งกระด้าง
  • ฉากหลัง: แนะนำให้ใช้สีพื้น เรียบง่าย เช่น ขาว เทา ครีม หรือสีที่เข้ากับโทนของแบรนด์
  • ไฟเสริม / ไฟวงแหวน: หากถ่ายในที่ร่ม การมีไฟเสริมช่วยให้ภาพคมชัด สีตรง ไม่มืดเกินไป

เทคนิคการถ่ายรูปสินค้าขายของออนไลน์ให้ปังในทุกมุม

ไม่ใช่แค่กดชัตเตอร์แล้วหวังให้รูปออกมาสวย เพราะการถ่ายรูปสินค้าให้สะดุดตานั้นต้องมีเทคนิคที่ช่วยให้ภาพดูดี มีมิติ และน่าเชื่อถือ มาดูกันว่าแต่ละจุดที่ควรใส่ใจมีอะไรบ้าง!

1. แสงต้องมาก่อน!

  • แสงคือสิ่งแรกที่ต้องคิดก่อนถ่าย ไม่ว่าจะกล้องโปรหรือกล้องมือถือ ถ้าแสงดี ภาพก็สวยแบบไม่ต้องแต่งเยอะ
  • แสงธรรมชาติ คือสิ่งที่ดีที่สุด! แนะนำให้ถ่ายช่วงเช้าหรือบ่ายที่มีแสงอ่อน ๆ ผ่านหน้าต่าง จะได้แสงนุ่มและธรรมชาติกว่า ไม่ทำให้สินค้าแข็งกระด้าง
  • หลีกเลี่ยงแสงไฟเหลืองตามบ้าน เพราะอาจทำให้สีของสินค้าดูเพี้ยนจากความจริง เช่น สีครีมอาจกลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ ได้
  • ถ้าต้องถ่ายในที่แสงน้อย หรือ ไม่มีแสงธรรมชาติ ลองอาจใช้ไฟวงแหวน Ring Light หรือ Softbox เพื่อช่วยให้แสงกระจายตัวได้ดีขึ้น โดยยังควบคุมทิศทางแสงได้ด้วย

2. องค์ประกอบภาพคือตัวช่วยดึงความสนใจ

hat product shot

แค่เปลี่ยนมุมจัดวาง ภาพก็เปลี่ยนจากธรรมดาเป็น ดูแพง ดูโปร ได้ทันที

  • ใช้กฎสามส่วน (Rule of Thirds): กล้องในสมาร์ทโฟนมักจะมาพร้อมฟีเจอร์แสดง Grid หรือ ช่อง 9 ช่อง ลองวางสินค้าหลักไว้ในจุดตัดสายตา จะช่วยให้ภาพดูสมดุลและดึงดูดมากขึ้น
  • เลือกพร็อพให้เสริมสินค้า ไม่แย่งซีน เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ใช้กันมากทีุ่สด ในการถ่ายภาพสินค้า ซึ่งพร็อพที่เลือกก็สามารถใช้ได้ตั้งแต่ ดอกไม้เล็ก ๆ แก้วกาแฟ หรือสมุดโน้ต ช่วยให้ภาพมีชีวิต ทั้งนี้ก็ควรเลือกให้สอดคล้องกับหมวดหมู่สินค้าด้วย 

3. แสดงสินค้าให้เห็นในหลาย ๆ มุม

ในตอนที่ลูกค้าเลือกซื้อของออนไลน์ สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือภาพถ่าย ซึ่งลูกค้ามองไม่เห็นสินค้าจริง จับไม่ได้ ลองใช้ก็ไม่ได้ ภาพถ่ายจึงต้องทำหน้าที่แทนทุกอย่าง

  • ถ่ายภาพหลายมุม เช่น ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง มุมเฉียง เพื่อให้เห็นดีไซน์โดยรวมของสินค้าแบบชัดเจน
  • Close-up รายละเอียด โดยเฉพาะกับสินค้าที่ต้องการรายละเอียด เช่นร้านขายเสื้อผ้า ควรถ่ายมุมใกล้ด้วยเพื่อให้เห็นลายผ้า พื้นผิววัสดุ ความเงา หรือรอยเย็บต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยบอกคุณภาพได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด
  • โชว์การใช้งานจริง เช่น ถ่ายตอนกำลังใส่ถือ หรือเทียบขนาดกับของใช้ทั่วไปอย่างขวดน้ำ หนังสือ หรือมือคน เพื่อให้ลูกค้านึกภาพออกว่า ของจริงจะมีขนาดประมาณไหน

Tips: ถ้าสินค้ามีฟังก์ชันพิเศษ เช่น ปรับระดับ เปิดพับได้ อย่าลืมถ่ายให้เห็นตอนใช้งานจริงด้วย

4. เลือกสี Background ให้สินค้าโดดเด่น

skincare product shot

อีกหนึ่งเทคนิคในการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าคือการเลือกพื้นหลัง (Background) สีพื้นหลังคือเบื้องหลังที่ช่วยผลักสินค้าให้โดดเด่น ถ้าเลือกดี ภาพจะดูสะอาด

สบายตาและมืออาชีพ

  • พื้นขาว เหมาะกับภาพสินค้าแบบโปรดักต์ช็อต เช่น ภาพที่ใช้ใน Shopee, Lazada หรือเว็บขายของ เพราะช่วยให้สินค้าเด่นชัด
  • ฉากแนวไลฟ์สไตล์ เช่น โต๊ะไม้ ผ้าปูเตียง พื้นหญ้า หรือมุมห้องนั่งเล่น ให้ความรู้สึกอบอุ่น เข้าถึงง่าย และดูเหมือนของที่ใช้ได้จริงในชีวิต
  • อย่าให้ฉากรก หรือมีของอื่น ๆ มาแย่งความสนใจ เช่น ถ่ายบนโต๊ะที่มีของเต็มไปหมด หรือมีพื้นหลังสีฉูดฉาดจนกลบสินค้า

Tips: ในการถ่ายรูปสินค้าแต่ละชนิด ลองเปลี่ยนฉากแล้วเทียบดูว่าสินค้าดูโดดเด่นขึ้นไหม

5. ใช้ “มือคน” หรือ “โมเดล” ช่วยสร้างความเชื่อมโยง

close-up scarf product shot

การมีคนอยู่ในภาพ ไม่ว่าจะเห็นหน้า หรือแค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น มือ แขน หรือไหล่ จะช่วยให้ภาพดูมีชีวิต และบอกเล่าการใช้งานจริงได้ชัดเจนมากขึ้น

  • ช่วยให้ลูกค้านึกภาพตามได้ ถ้าเห็นคนถือ หรือใช้งานอยู่ ลูกค้าจะจินตนาการว่า ถ้าเราใช้จะเป็นแบบไหน
  • ทำให้ภาพดูอบอุ่น และน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • เทคนิคนี้ใช้ได้กับโปรดักต์หลากหลายประเภท
    • เสื้อผ้า → ให้คนใส่แล้วเดินชิลในคาเฟ่ ฉากวิวสวย ๆ สะอาดตา
    • เครื่องประดับ → โฟกัสมือที่สวมแหวน หรือข้อมือที่ใส่นาฬิกา
    • ของใช้ในบ้าน → มือที่ถือแก้วกาแฟ หรือกำลังเขียนโน้ตในสมุด

ตัวอย่าง: ถ้าร้านคุณขายเคสมือถือ → ถ่ายตอนมีมือกำลังถือมือถืออยู่ จะดูน่าใช้กว่าภาพที่วางนิ่ง ๆ บนโต๊ะเฉย ๆ

6. เลือกมุมกล้อง ให้เหมาะกับลักษณะของสินค้า

มุมกล้องคือสิ่งที่ทำให้สินค้าดูธรรมดาหรือโดดเด่นได้เลย เพราะสินค้าแต่ละแบบมีรูปทรงต่างกัน ถ้าถ่ายมุมไม่ถูก มันอาจดูแบน ไม่มีมิติ หรือไม่เห็นจุดเด่นของสินค้าเลย

  • สินค้าทรงแบน: ใช้มุมมองจากด้านบน (Top View) เช่น ซองจดหมาย สมุด ป้ายสินค้า
  • สินค้าสูงหรือทรงตั้ง: ถ่ายจากระดับสายตาหรือเฉียง เช่น ขวดหรือกล่องสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม แก้วน้ำ แจกัน ต้นไม้กระถาง ฯลฯ
  • สินค้าขนาดจิ๋วหรือมีดีเทลเยอะ: Close-up เข้าไปใกล้ ๆ เน้นให้เห็นพื้นผิว ลายละเอียดงาน เช่น เครื่องประดับ ของแฮนด์เมด

ตัวอย่าง: ขายต่างหู → ถ่ายมุมเฉียงและซูมใกล้ ๆ ให้เห็นประกายของตุ้มหู กับลวดลายเล็ก ๆ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นคุณค่าและรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น

7. แต่งภาพเพิ่มได้แต่ต้องรู้จุดพอดี

การแต่งภาพไม่ใช่เรื่องผิด! กลับกัน การรีทัชเล็กน้อยสามารถช่วยให้ภาพดูสวย สว่าง และดึงดูดมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระวังคือแต่งจนเกินจริง จนลูกค้าคิดว่าได้ของอย่างหนึ่ง แต่พอของถึงมือกลับไม่ตรงปก

  • สิ่งที่สามารถปรับแต่งเพิ่ม: ปรับแสงให้สว่างขึ้น คอนทราสต์ให้ดูชัดขึ้น หรือปรับโทนสีเล็กน้อยให้ดูละมุนขึ้นได้
  • สิ่งที่ไม่ควรแต่ง: สีของสินค้า เช่น จากชมพูอ่อนกลายเป็นชมพูสด หรือเนื้อผ้าที่ดูมันวาวเกินจริง
  • เลือกแอปให้เหมาะกับงาน
    • Lightroom Mobile: ปรับโทนมืออาชีพ มีค่าพรีเซ็ตให้เลือก
    • Snapseed: ลบรอยเงา แก้จุดเล็ก ๆ ได้ดี
    • Canva: ใช้จัดองค์ประกอบ พร้อมใส่ข้อความหรือกราฟิกง่าย ๆ

ตัวอย่าง: ขายกระเป๋าผ้าโทนสีเบจ → แต่งให้แสงดูนวลก็ได้ แต่ต้องไม่ทำให้สีเบจกลายเป็นครีมเข้ม หรือดูเงาเกินจริง

8. ใส่ข้อความสั้น ๆ ให้ภาพเล่าเรื่องได้ครบ

ภาพสวยอย่างเดียวบางทีไม่พอ โดยเฉพาะถ้าลูกค้าแค่เลื่อนผ่าน การใส่ข้อความเล็ก ๆ ลงบนภาพจะช่วยให้คนหยุดดู และเข้าใจสินค้าได้ในไม่กี่วินาที

  • ใส่จุดขาย เช่น “ใหม่ล่าสุด!” / “ทนแดด กันน้ำ” / “วัสดุพรีเมียม”
  • ใส่ข้อมูลช่วยตัดสินใจ เช่น “ขนาด 500 ml” / “ใช้งานได้ทั้งผู้หญิง-ผู้ชาย”
  • ฟอนต์ต้องอ่านง่าย  ใช้สีที่ตัดกับพื้นหลัง และวางในจุดที่ไม่รบกวนสินค้า
  • เพิ่มการเล่าเรื่อง บางครั้งแค่คำสั้น ๆ อย่าง “ความใส่ใจ…ส่งต่อได้ผ่านของชิ้นเล็ก ๆ” ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้สินค้าธรรมดา ๆ ดูอบอุ่นขึ้นได้

ตัวอย่าง: ขายกระเป๋าผ้าใส่โน้ตบุ๊ก → ใส่ข้อความ “ใส่แมคบุ๊ก 13” ได้สบาย” ช่วยตอบคำถามที่ลูกค้าอยากรู้โดยไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านแคปชัน

เรียนรู้วิธีการถ่ายรูปสินค้ากันแบบมือโปรแล้ว อย่าลืมแวะเข้าไปเช็กเขียนแคปชันขายของยังไงให้โดน! แจกเทคนิคที่ร้านค้าออนไลน์ใช้ได้จริง


สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ออเดอร์ทะลัก จัดการไม่ทัน… Carry Fulfillment ช่วยคุณได้!

carry fulfillment service

ในโลกของการขายของออนไลน์ภาพถ่ายสินค้า คือจุดเริ่มต้นของทุกการตัดสินใจซื้อ 8 เทคนิค วิธีถ่ายรูปสินค้าให้สวย ที่เรารวบรวมมานี้ ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แพงหรือทีมงานมืออาชีพ ขอแค่คุณเข้าใจหลักการพื้นฐาน ก็สามารถสร้างภาพที่น่าประทับใจได้ไม่ยาก

และอย่าลืมว่าเบื้องหลังของภาพสินค้าสวย ๆ คือการจัดการที่ดีทั้งเรื่องจัดการสต็อก แพ็คสินค้า และส่งของ หากคุณมีระบบ Fulfillment ที่ช่วยดูแลส่วนนี้ให้ การขายของออนไลน์ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ! 

สำหรับใครที่ทำธุรกิจออนไลน์ และมีออเดอร์เข้ามาจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจากทาง Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือเว็บไซต์ของคุณเอง จนเริ่มรู้สึกว่าจัดการไม่ทัน ไม่ต้องกังวลครับ!  Carry Fulfillment พร้อมช่วยดูแลธุรกิจของคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้าให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทําให้ร้านค้า ประหยัดเวลาในการจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหมื่นออเดอร์ เราพร้อมให้บริการที่ครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ!