
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า FIFO หรือระบบ First In First Out ซึ่งเป็นวิธีจัดการคลังหรือสต๊อกสินค้ารูปแบบหนึ่งซึ่งนิยมใช้กันทั่วไปและเป็นหลักการที่ได้รับการยอมรับเป็นสากล สามารถใช้ทั้งในการจัดการคลังสินค้าและการบัญชีอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเลือกใช้ระบบจัดการแบบใด ก็ควรรู้จักข้อดี และข้อจำกัดของระบบก่อน จะได้เลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับรูปแบบของธุรกิจ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับระบบ FIFO ให้ดียิ่งขึ้น
FIFO คืออะไร?
FIFO ย่อมาจาก First In First Out หรือแปลแบบตรงตัวได้เลยว่าเข้าก่อนออกก่อน ซึ่งระบบ FIFO นี้มีการจัดการที่เข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้จริง ก็คือนำสินค้าที่เข้าคลังก่อนมาขายหรือรีบใช้งานก่อน เพื่อไม่ให้สินค้านั้นเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ ทำให้การจัดการสินค้าคงคลังทำได้ง่ายขึ้น และสินค้าที่อยู่ในคลังหรือสต๊อกสินค้าจะเป็นสินค้าที่จัดซื้อมาล่าสุดเสมอ โดยไม่ได้คำนึงถึงวันหมดอายุ ซึ่งเป็นวิธีที่คนทั่วไปมักนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จึงสามารถนำมาปรับใช้กับระบบธุรกิจได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม FIFO อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับสินค้าคงคลังบางประเภทหรือธุรกิจบางอย่าง ดังนั้นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า FIFO เป็นวิธีที่เหมาะสมกับธุรกิจและลักษณะของสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่ายหรือไม่
หลัก 5 ข้อในการใช้ระบบ FIFO
- ตรวจสอบและจัดเรียงสินค้าจากวันที่รับสินค้าเข้า
- คัดสินค้าที่หมดอายุ เสื่อมสภาพ หรือเสียหายออก
- วางสินค้าที่รับเข้ามาก่อนที่ด้านหน้าสุด เพื่อให้ถูกหยิบขายหรือใช้ก่อน
- วางสินค้าเข้าใหม่ด้านหลัง สินค้าที่รับเข้ามาล่าสุดต้องอยู่ด้านหลังสุด
- ขายหรือใช้สินค้าที่วางไว้ด้านหน้าก่อนเสมอ
ดังนั้นสินค้าที่ถูกรับเข้ามาก่อนจะถูกใช้หมดก่อนสินค้าที่รับเข้ามาทีหลัง วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสเสื่อมสภาพหรือหมดอายุของสินค้าก่อนถูกใช้งานได้

ประโยชน์ของ FIFO มีอะไรบ้าง
- ลดโอกาสเสียหายจากการหมดอายุของสินค้า
- ช่วยไม่ให้สินค้าค้างสต๊อก
- สะดวกในการหยิบ จัดเก็บ และเช็คสต๊อกสินค้า
- สามารถตรวจสอบอายุของสินค้าคงคลัง และจัดลำดับการระบายสินค้าก่อนหมดอายุได้ง่าย
- เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและทำได้ง่าย
- ช่วยลดต้นทุนและจำนวนบุคลากรในการจัดการ
- จัดเก็บและหยิบใช้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการดูวันหมดอายุของสินค้าแต่ละชิ้น
- ง่ายต่อการทำบัญชีสินค้าคงคลัง
ข้อจำกัดของ FIFO มีอะไรบ้าง
- ต้นทุนค่าขนย้ายและเก็บรักษาสินค้าสูงขึ้น
- สินค้าขาดสต๊อก
- ไม่เหมาะกับสินเค้าบางประเภท เช่น สินค้าที่มีโอกาสล้าสมัย
- สถานที่หรือตู้สำหรับจัดเก็บสินค้าควรเป็นแนวตั้ง เพื่อความสะดวกในการจัดเรียงสินค้าเข้าใหม่ไว้ด้านหลัง
- มีความเสี่ยงที่สินค้าจะหมดอายุ เพราะอายุหรือความสดใหม่ของสินค้าที่ได้รับในแต่ละล็อตอาจแตกต่างกัน
ตัวอย่างการจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO
การจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO เป็นที่นิยมในหลายธุรกิจ ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ รวมถึงยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานเอกสาร จัดเก็บอุปกรณ์สำนักงาน หรือแม้แต่ครัวเรือนได้อีกด้ว ตัวอย่างการจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO

- ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าปลีก
ร้านค้าส่วนใหญ่ใช้ระบบ FIFO ในการจัดการสินค้าบนชั้นวาง โดยสินค้าใหม่มักจะอยู่ด้านหลัง ทำให้ผู้ซื้อต้องหยิบสินค้าชิ้นด้านหน้าสุดก่อน จะเห็นได้ว่าในร้านสะดวกซื้อบางแห่งใช้วิธีการเติมสต๊อกสินค้าจากด้านหลัง โดยออกแบบชั้นวางให้สามารถโชว์สินค้าด้านหน้าสุดได้เพียง 1-2 ชิ้น เมื่อลูกค้าหยิบสินค้าชิ้นหน้าสุดออกไป สินค้าชิ้นถัดไปจะถูกดันออกมาอยู่ด้านหน้าแทน และพนักงานมีหน้าที่ตรวจสอบปริมาณสินค้าและเติมสินค้าจากทางด้านหลัง วิธีการแบบนี้จะช่วยป้องกันให้สินค้าที่อยู่ด้านหลังถูกหยิบออกไปก่อน และผู้ซื้อจะหยิบสินค้าชิ้นหน้าสุด
- ร้านอาหาร งานครัว
งานครัว เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เหมาะกับการใช้ระบบ FIFO เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่มีอายุจำกัด และมีวัตถุดิบที่หลากหลาย หากใช้งานวัตถุดิบที่ซื้อเข้ามาก่อนก็จะป้องกันการหมดอายุหรือเสียหายก่อนนำไปใช้งานได้ โดยเฉพาะของสด เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และการจัดเรียงวัตถุดิบที่ต้องใช้งานก่อนไว้ด้านหน้า ยังช่วยให้พนักงานหยิบไปใช้ได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาพลิกดูวันหมดอายุ นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรมีระบบการจัดการโดยทำเอกสารเช็ควันหมดอายุของวัตถุดิบควบคู่ไปด้วย และมีการติดฉลากแสดงสถานะให้ชัดเจน เพื่อให้รู้ว่าวัตถุดิบใดใกล้หมดอายุ จะต้องรีบใช้งานก่อน โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มีอายุการใช้งานสั้น และยังช่วยให้ตรวจสอบง่ายว่าวัตถุดิบแต่ละชนิดเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันหรือไม่ เมื่อลดความเสี่ยงในเรื่องวัตถุดิบเน่า เสีย หรือหมดอายุได้ ก็ทำให้ผู้ประกอบการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นอีกด้วย
- อุปกรณ์สำนักงาน
การจัดเก็บอุปกรณ์สำนักงานที่ใช้เป็นประจำก็สามารถใช้วิธี FIFO ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นวิธีที่ง่าย และไม่ขัดต่อพฤติกรรมมนุษย์ เพียงแต่รูปแบบการวางเก็บควรต้องเป็นทิศทางที่เหมาะสม ไม่ต้องลำบากในการนำสินค้าเก่าออกมาก่อนเพื่อจัดเรียงสินค้าใหม่เข้าไปด้านใน FIFO จึงเหมาะสำหรับอุปกรณ์สำนักงานที่ชิ้นเล็ก หรือ มีการเสื่อมสภาพได้เมื่อทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน เช่น กาว ปากกา เป็นต้น หากไม่นำของเก่ามาใช้ก่อน ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้สินค้านั้นเสื่อม ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ

เชื่อมโยง FIFO กับระบบ Fulfillment
การใช้ ระบบ FIFO คลังสินค้า ควบคู่กับบริการ Fulfillment เป็นแนวทางที่ช่วยยกระดับการบริหารสต๊อกให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายปลีก ขายส่ง การผลิต หรือบริการด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสินค้าจำนวนมาก และมีการหมุนเวียนสต๊อกอย่างต่อเนื่อง
ระบบ Fulfillment ที่มีประสิทธิภาพจะใช้เทคโนโลยี WMS (Warehouse Management System) เพื่อกำหนดลำดับการหยิบสินค้าออกจากคลังตามหลักการ First In, First Out (FIFO) โดยอัตโนมัติ ช่วยให้การจัดเก็บ หยิบสินค้า และจัดส่งเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด เช่น หยิบสินค้าผิดล็อต หรือส่งสินค้าที่ใกล้หมดอายุให้กับลูกค้าโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ ระบบ Fulfillment ที่รองรับการจัดการแบบ FIFO ยังช่วยรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการขยายคลังสินค้า เพิ่มช่องทางการจำหน่าย หรือการบริหารสินค้าหลายประเภทพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อระบบการจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO ทำงานร่วมกับระบบ Fulfillment ที่ดี จะช่วยลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา และส่งสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุดให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
FIFO กับ Fulfillment: คู่หูธุรกิจที่ช่วยยกระดับการบริหารสต๊อก
การใช้ระบบ Fulfillment ที่รองรับการจัดการแบบ FIFO ร่วมกับการวางแผนสต๊อกที่ดี เช่น การตั้ง SKU (Stock Keeping Unit) ให้ชัดเจน จะทำให้การบริหารสินค้าคงคลัง ง่าย เร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีประโยชน์ดังนี้
- SKU ที่ดี: ช่วยแยกแยะสินค้าล็อตเก่า-ใหม่ได้อย่างชัดเจน ลดความสับสนในการหยิบสินค้า
- Fulfillment ที่แม่นยำ: ช่วยหยิบสินค้าเก่าก่อนใหม่โดยอัตโนมัติ ตามหลักการ FIFO เพื่อคงคุณภาพสินค้า
- ลดต้นทุนและความผิดพลาด: ป้องกันสินค้าหมดอายุ เสียหาย หรือถูกหยิบผิดล็อต ส่งผลให้ต้นทุนในการจัดการสต๊อกลดลง
- เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า: ลูกค้าได้รับสินค้าที่สดใหม่ คุณภาพดีที่สุด เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านค้าออนไลน์ ผู้จัดจำหน่าย โรงงานผลิตสินค้า หรือคลังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ การเลือกใช้บริการ Fulfillment ที่มีระบบบริหารจัดการ FIFO ที่แม่นยำ จะทำให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน
อ่านเพิ่มเติม: 12 สัญญาณที่ร้านค้าออนไลน์ควรใช้ Fulfillment Service เพื่อเพิ่มยอดขาย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ FIFO

FIFO เหมาะกับสินค้าประเภทใด
การจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO ควรใช้กับสินค้าที่หากเก็บไว้นานจะเสื่อมสภาพได้ หรือมีวันหมดอายุ ธุรกิจที่เหมาะกับระบบ FIFO ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา เป็นต้น
การจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO ควรใช้ตู้หรือชั้นวางแบบใด
ควรเก็บสินค้าในชั้นวางแนวตั้งที่มีขนาดเหมาะสมกับสินค้า เพื่อให้สินค้าที่เข้ามาทีหลังถูกจัดเรียงไว้ด้านหลังหรือจากซ้ายไปขวาได้โดยง่าย หากเป็นตู้หรือชั้นวางแบบแนวนอนจะจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO ได้ลำบาก เพราะทำให้สินค้าปนหรือทับซ้อนกัน หรือต้องนำสินค้าเก่าออกมาทั้งหมดก่อน แล้วเรียงสินค้าใหม่เข้าไปด้านล่าง จากนั้นจึงเอาสินค้าเก่าใส่กลับเข้าไปด้านบน นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของบุคลากรที่ต้องยกสินค้าจำนวนมากด้วย
FIFO กับ LIFO แตกต่างกันอย่างไร
FIFO หรือ First In First Out คือสินค้าที่เข้ามาก่อนต้องถูกขายหรือใช้ก่อน ส่วน LIFO หรือ Last In First Out คือสินค้าที่เข้ามาล่าสุดจะถูกขายหรือใช้ก่อน ก็คือตรงกันข้ามกันนั่นเอง โดยสรุปความแตกต่างให้เข้าใจชัดเจน ดังนี้
- LIFO หยิบสินค้าที่เข้ามาในคลังล่าสุดออกไปก่อน
- ในระบบ FIFO สินค้าคงคลังคือสินค้าที่เข้ามาล่าสุด ส่วน LIFO สินค้าคงคลังคือสินค้าที่เก่าที่สุด
- หากราคาสินค้าในตลาดมีการเปลี่ยนแปลง LIFO จะแสดงต้นทุนเท่ากับราคาปัจจุบัน ส่วน FIFO จะแสดงต้นทุนสินค้าที่เป็นราคาเก่า
อย่างไรก็ตามการจะเลือกใช้ระบบ FIFO หรือ LIFO นั้นต้องขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและกลุ่มลูกค้า รวมถึงความต้องการของตลาดด้วย หากเป็นสินค้าที่ต้องการความทันสมัย ขายตามเทรนด์หรือความนิยมและความต้องการของลูกค้า ระบบ LIFO อาจเป็นการจัดเก็บที่เหมาะสม และตอบสนองวัตถุประสงค์การดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมจึงนิยมใช้ FIFO มากกว่า LIFO
เนื่องจากระบบ FIFO สามารถใช้ได้กับสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งที่มีวันอายุ มีการเสื่อมสภาพ และยังสามารถป้องกันสินค้าหมดอายุหรือเน่าเสียก่อนถูกใช้งานได้ ระบบ FIFO จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายในธุรกิจ
ส่วน LIFO หรือ Last In First Out นั้น เหมาะกับสินค้าที่มี Life Cycle สั้น หรือล้าสมัยเร็ว เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ตกกระแส ร้านค้าจึงต้องรีบนำสินค้าที่ได้รับเข้ามาล่าสุดจำหน่ายออกไปก่อน หรือสินค้าที่ต้องซื้อขายในราคาตลาด ตัวอย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ราคาเป็นปัจจุบัน เมื่อได้รับเข้ามาจึงต้องรีบจำหน่ายออกไป
FIFO กับ FEFO แตกต่างกันอย่างไร
[P] อีกระบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ FEFO หรือ First Expire date First Out คือนำสินค้าที่กำลังจะหมดอายุเป็นลำดับแรกมาใช้ก่อน เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสียหายจากสินค้าหมดอายุได้ ซึ่งระบบ FEFO มีข้อแตกต่างจาก FIFO ดังนี้
- FEFO ไม่คำนึงถึงวันที่รับสินค้าเข้า แต่ดูที่วันหมดอายุเป็นหลัก
- สินค้าในสต๊อก FEFO คือสินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด
ระบบ FIFO เหมาะกับธุรกิจกลุ่มใดบ้าง
- ธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลายซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของจำนวนและราคาบ่อย เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา
- ธุรกิจขายสินค้าที่มีวันหมดอายุ เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
FIFO จำเป็นสำหรับธุรกิจขายสินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุ
ธุรกิจขายสินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุเช่นเสื้อผ้า กระเป๋า แฟชันต่าง เองก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบ FIFO เพราะมีมีเรื่องเทรนด์และซีซั่น การขายของเก่าออกก่อน จะช่วยลดโอกาสค้างสต๊อกเมื่อเทรนด์เปลี่ยน และช่วยให้ร้านปล่อยสต๊อกได้ไว
Fulfillment ที่รองรับ FIFO ดีกว่าจัดการเองอย่างไร?
ช่วยลดภาระการจัดเรียงสินค้า ลดโอกาสหยิบสินค้าผิดล็อต และมีระบบอัตโนมัติช่วยตรวจสอบสต๊อกได้ Real-Time ทำให้บริหารคลังสินค้าได้มืออาชีพมากขึ้น
การจัดเก็บสินค้าแบบ FIFO ได้รับความนิยมในธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งภาคการผลิต ค้าส่ง และค้าปลีก แม้แต่ในชีวิตประจำวันก็ยังพบเห็นการใช้ระบบ FIFO อยู่ทั่วไป เช่น การต่อคิวเพื่อจ่ายเงิน หรือรับบริการต่าง ๆ ที่คนมาก่อนจะได้ใช้บริการก่อนก็ถือเป็นระบบ FIFO อย่างหนึ่ง จึงทำให้ระบบนี้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะไม่ขัดต่อพฤติกรรมของมนุษย์จึงสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ระบบจัดการคลังสินค้าไม่ว่าจะเป็น FIFO, LIFO หรือ FEFO ก็ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและรูปแบบการดำเนินธุรกิจด้วย อีกสิ่งที่สำคัญที่ทำให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพคือการจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ และจำแหน่งการวางสินค้าที่ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกในการหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไรก็ตาม การจัดการสต๊อกให้ถูกต้องตั้งแต่แรกคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยที่ทำให้การบริหารสต๊อกเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น อย่าลืมเลือกใช้บริการ Fulfillment จาก Carry Fulfillment ที่รองรับการจัดการแบบ FIFO! หมดกังวลเรื่องสต๊อกค้างหรือหยิบสินค้าผิดล็อตที่เกิดจากความสับสน
อย่าปล่อยให้เรื่องสต๊อกเป็นอุปสรรคในการโตของร้านคุณ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ!