
Shopee ส่งด่วนภายในวันหรือที่หลายคนเรียกกันว่า Shopee Same Day Delivery คือหนึ่งในนโยบายที่ Shopee เร่งผลักดันในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปออนไลน์ให้เร็ว แรง ทันใจยิ่งขึ้น
แต่สำหรับร้านค้า e-commerce แล้ว กฎใหม่ที่เกี่ยวกับการส่งด่วนนี้ อาจกลายเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมกัน โดยเฉพาะหากพ่อค้าแม่ค้าที่ยังไม่รู้ว่า Shopee มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในปี 2025 นี้
วันนี้ Carry Fulfillment จะพาไปรู้ลึกแบบครบถ้วน ตั้งแต่ภาพรวมของบริการ Shopee delivery แบบด่วน กฎใหม่ที่ผู้ขายต้องรู้ ผลกระทบกับร้านค้า ไปจนถึงเทคนิคปรับตัวให้ทันเกม พร้อมเคล็ดลับใช้ Fulfillment ให้ช่วยจัดการแบบมืออาชีพ
Shopee ส่งด่วน ภายในวัน คืออะไร? ทำไมร้านค้าต้องสนใจ
ทุกวันนี้แค่จัดการออเดอร์ให้ทันแต่ละรอบก็แทบจะเต็มมืออยู่แล้ว แต่ล่าสุด Shopee ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่ร้านค้าออนไลน์ทุกแห่งต้องรีบจับตา จากเดิมที่กำหนดให้จัดส่งภายใน 1 วัน เปลี่ยนเป็นต้อง จัดส่งแบบด่วนภายในวันเดียวกัน ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
นโยบายใหม่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้ขายต้องเร่งปรับตัว เพราะหากยังใช้วิธีจัดการออเดอร์แบบเดิม อาจทำให้ส่งสินค้าไม่ทันตามรอบที่กำหนด นอกจากจะกระทบความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว ยังเสี่ยง โดนตัดคะแนนร้านค้า หรือที่แย่กว่านั้น คือ ถูกระงับสิทธิ์การขาย ทั้งแบบชั่วคราวหรือถาวร
ทำไม Shopee ถึงเร่งนโยบายส่งด่วน?
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ Shopee ตัดสินใจขยับเวลาจัดส่งให้เร็วขึ้น มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ลูกค้ายุคนี้คาดหวังจะได้รับสินค้าเร็วที่สุดหลังจากกดสั่ง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง TikTok Shop และ Lazada ต่างก็เร่งพัฒนาโมเดล Same Day Delivery จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการอีคอมเมิร์ซ Shopee เองจึงต้องปรับตัว เพื่อไม่ให้ประสบการณ์ของผู้ซื้อด้อยกว่าคู่แข่ง
การจัดส่งภายในวัน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อที่ชำระเงินก่อนเที่ยง จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับของเร็วขึ้น รู้สึกประทับใจ และมีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำบ่อยขึ้น ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อทั้งร้านค้าและแพลตฟอร์มโดยรวม

ทำความเข้าใจเกณฑ์ใหม่ของ Shopee ส่งด่วน ภายในวัน (Same Day Delivery)
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญภายใต้นโยบายShopee ส่งด่วนภายในวัน คือการมีตัวชี้วัดที่เรียกว่า FHR (Fast Handover Rate) หรือ อัตราการจัดส่งเร็ว ซึ่งใช้วัดความสามารถของร้านค้าในการจัดการออเดอร์และส่งสินค้าให้ถึงมือบริษัทขนส่งภายในเวลาที่กำหนด
เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ร้านค้าจะต้อง กดยืนยันสถานะว่า “พร้อมจัดส่ง” และเริ่มแพ็กสินค้าโดยเร็วที่สุด จากนั้นจะถูกประเมินตามช่วงเวลาที่ทำรายการยืนยัน โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณีหลัก:
คำสั่งซื้อที่ยืนยันก่อนเวลา 12:00 น.
- ร้านค้าต้องส่งพัสดุให้กับขนส่ง ภายในเวลา 23:59 น. ของวันเดียวกัน
- นั่นหมายความว่า หากลูกค้าชำระเงินและระบบตัดคำสั่งซื้อก่อนเที่ยง ร้านค้าจะมีเวลาตลอดช่วงบ่ายในการแพ็กและส่งให้ทันวันนั้น
คำสั่งซื้อที่ยืนยันหลังเวลา 12:00 น.
- จะต้องส่งพัสดุให้ขนส่ง ภายในเวลา 23:59 น. ของวันถัดไป
- นับจากวันที่ทำการยืนยันคำสั่งซื้อ ซึ่งถือว่าเป็นการขยายเวลาสำหรับออเดอร์ช่วงบ่ายเป็นต้นไป
เวลาเที่ยงคือจุดตัดรอบสำคัญ
เวลา 12:00 น. ถือเป็นจุดตัดรอบ ที่ใช้แบ่งว่าออเดอร์จะต้องส่งภายในวันเดียวกัน หรือภายในวันถัดไป ดังนั้นร้านค้าที่ต้องการรักษา คะแนน FHR ให้อยู่ในระดับดี ควรบริหารจัดการออเดอร์ให้มีความพร้อมก่อนช่วงเที่ยงของทุกวัน
ข้อยกเว้น: วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
หากคำสั่งซื้อเข้ามาในวันที่บริษัทขนส่งไม่เปิดทำการ เช่น วันอาทิตย์หรือวันหยุดราชการ ร้านค้าสามารถส่งของได้ในวันทำการถัดไป โดยยังต้องส่งให้ทันภายในเวลา 23:59 น. เช่นเดิม
ระบบ Fast Handover Rate ไม่เพียงแต่ช่วยวัดประสิทธิภาพของร้านค้าในการจัดส่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและอันดับร้านในสายตาของลูกค้าและ Shopee ด้วย ดังนั้นใครที่ยังไม่มีระบบจัดการหลังบ้านแบบอัตโนมัติ หรือยังแพ็กของแบบ Manual อยู่ ควรรีบวางแผนรับมือให้ทันก่อนระบบใหม่นี้เริ่มต้นใช้งานจริง
Shopee ส่งด่วน Same Day Delivery vs Express Delivery
เมื่อพูดถึงบริการจัดส่งด่วนของ Shopee หลายร้านค้าอาจยังสับสนว่า Same Day Delivery กับ Express Delivery ต่างกันอย่างไร เพราะแม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายคือส่งไวแต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดและบทบาทต่างกันพอสมควร
Same Day Delivery – นโยบายใหม่ที่ร้านค้าต้องปรับตัว
Same Day Delivery คือระบบจัดส่งภายในวันเดียวกันที่ Shopee เตรียมนำมาใช้เป็นมาตรฐานใหม่ โดยจะเริ่มบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ร้านค้าจะต้องจัดส่งสินค้าให้กับขนส่งภายในวันเดียวกับที่คำสั่งซื้อได้รับการยืนยัน (เฉพาะออเดอร์ที่ยืนยันก่อน 12:00 น.)
Express Delivery – ตัวเลือกการจัดส่งด่วนจาก Shopee

ในขณะที่ Express Delivery เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการจัดส่ง ที่ Shopee พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการรับสินค้ารวดเร็วที่สุด โดยลูกค้าจะเป็นผู้เลือกการจัดส่งรูปแบบนี้เองจากหน้าสินค้า หากร้านค้านั้นรองรับบริการนี้
จุดเด่นของ Express Delivery
- เป็นบริการจัดส่งพัสดุแบบเร่งด่วนที่สุด หลังจากลูกค้าชำระเงิน
- ให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ (บางอำเภอในแต่ละจังหวัด)
- ลูกค้าสามารถเช็กตัวเลือกการจัดส่งด่วนได้ที่หน้าสินค้าในส่วน ราคาค่าจัดส่ง ซึ่งจะแสดงตัวเลือก Express Delivery พร้อมระบุวันที่และเวลาที่จะได้รับสินค้า
ขนาดและเงื่อนไขของพัสดุ
- ร้านค้าสามารถจัดส่งสินค้าแบบ Express Delivery ได้จำนวน 1 กล่องต่อคำสั่งซื้อ
- น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม
- ขนาดต่อด้าน แต่ละด้านไม่เกิน 45 เซนติเมตร
อัตราค่าจัดส่งสินค้า
- เริ่มต้นที่ 29 – 134 บาท (ขึ้นอยู่กับระยะทางและน้ำหนัก)
- Shopee อาจปรับราคาตามนโยบาย โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านแพลตฟอร์ม
เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนนโยบาย Shopee ส่งด่วน ภายในวัน (Same Day Delivery) จะเริ่มใช้จริง

เมื่อ Shopee เตรียมนำนโยบาย Same Day Delivery หรือการจัดส่งด่วนภายในวันเดียวกันมาใช้เป็นมาตรฐานใหม่ ร้านค้าทุกแห่งก็จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้สามารถจัดส่งทันตามเงื่อนไข และรักษาคะแนนร้านค้าไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนี่คือแนวทางสำคัญที่ร้านค้าควรเริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้
1. ปรับขั้นตอนแพ็กและส่งให้ทันภายในวัน
สิ่งที่ร้านค้าต้องทำความเข้าใจอย่างแรก คือความเร็วในการแพ็กและส่งของจะกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าเดิมมาก หากออเดอร์เข้ามาในช่วงเช้า โดยเฉพาะก่อนเวลา 12:00 น. ร้านค้าจำเป็นต้องแพ็กของและส่งให้ถึงขนส่งภายในวันเดียวกันเท่านั้น ดังนั้นการจัดคิวออเดอร์ให้ไหลลื่น พร้อมมีคนรับผิดชอบเฉพาะด้านการจัดแพ็กและส่ง คือสิ่งที่ต้องวางแผนให้ดี เพื่อไม่ให้หลุดรอบจัดส่งและกระทบคะแนน FHR
อ่านต่อ: 7 วิธีแพ็คของส่งลูกค้า แพ็คสินค้าอย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวล
2. วางแผนสต็อกให้แม่นยำ ลดความเสี่ยงของหมดสินค้า
การส่งเร็วจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าสต็อกไม่พร้อม ร้านค้าควรเริ่มวางแผนจัดการสต็อกล่วงหน้าให้เพียงพอ โดยเฉพาะกับสินค้าขายดี หรือช่วงที่มีแคมเปญโปรโมชัน เพื่อให้สามารถแพ็กและส่งสินค้าได้ทันแบบไม่ติดขัด การใช้ระบบจัดการสต็อกอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่แนะนำสำหรับร้านค้าที่ต้องจัดการออเดอร์จำนวนมาก
อ่านต่อ: วิธีจัดการสต๊อกสินค้าออนไลน์ ให้ยอดขายพุ่ง ขายได้ ไม่มีสะดุด
3. เชื่อมระบบหลังบ้านกับ Shopee ด้วยระบบ OMS
หากร้านคุณขายของหลายช่องทาง การเชื่อมระบบหลังบ้านด้วย OMS (Order Management System) ที่ซิงก์ข้อมูลกับ Shopee โดยตรง จะช่วยให้การจัดการคำสั่งซื้อง่ายและเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาดึงข้อมูลหรือกรอกเลขพัสดุเอง ระบบจะอัปเดตสถานะอัตโนมัติทันทีที่จัดส่ง ลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาได้มาก
4. เตรียมทีมแพ็กของให้พร้อม หรือใช้ Fulfillment Partner เข้าช่วย
หากคุณไม่มีเวลามานั่งแพ็กของเองทุกวัน หรือมีออเดอร์จำนวนมากที่จัดการไม่ทัน การมีทีมแพ็กของโดยเฉพาะ หรือเลือกใช้บริการ Fulfillment จากผู้ให้บริการมืออาชีพ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้สินค้าถูกแพ็กอย่างรวดเร็ว จัดส่งทันรอบ และไม่พลาดเงื่อนไข Same Day Delivery ซึ่งส่งผลดีต่อคะแนนร้าน ความพึงพอใจของลูกค้า และถูกใจแพลตฟอร์มอย่าง Shopee อีกด้วย
อ่านต่อ:
- 10 ข้อดีของบริการแพ็คสินค้า ช่วยร้านค้าออนไลน์ลดต้นทุนได้จริง!
- Fulfillment คือ? รู้จักบริการคลังสินค้า ตัวช่วยสำคัญของร้านค้าออนไลน์
- 12 สัญญาณที่ร้านค้าออนไลน์ควรใช้ Fulfillment Service เพื่อเพิ่มยอดขาย
5. คอยเช็กคะแนน FHR และตั้งเป้าให้ชัดเจน
อย่าลืมว่า Shopee ใช้ตัวชี้วัด FHR (Fast Handover Rate) ในการประเมินประสิทธิภาพของร้านค้า หากส่งช้าบ่อย ๆ จะทำให้คะแนนลดลง และอาจเสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญสำคัญของ Shopee ได้ง่าย ๆ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบคะแนนของร้านอยู่เสมอ ตั้งเป้าให้อยู่ในระดับสูง และวางแผนจัดการล่วงหน้าในช่วงที่มียอดออเดอร์หนาแน่นให้ดีด้วย
สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ออเดอร์ทะลัก จัดการไม่ทัน… Carry Fulfillment ช่วยคุณได้!

Shopee กำลังเปลี่ยนเกมครั้งใหญ่ด้วยนโยบาย Shopee ส่งด่วนภายในวัน หรือ Same Day Delivery ที่บังคับให้ร้านค้าต้องจัดส่งสินค้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแบบทันใจ ลูกค้าสั่งเช้า ต้องได้ของภายในวัน ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วขนาดนี้อาจทำให้หลายร้านรู้สึกกดดัน โดยเฉพาะถ้ายังแพ็กของเอง หรือยังไม่มีระบบหลังบ้านที่พร้อมรองรับ
แต่ไม่ต้องเครียดไปครับ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างคนเดียว! ถ้าอยากโฟกัสกับการขายให้เต็มที่ แล้วปล่อยเรื่องแพ็ก ส่ง และจัดการออเดอร์ให้ทีมมืออาชีพดูแลแทน Carry Fulfillment ยินดีช่วยเต็มที่ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้าให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับ Shopee รวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทําให้ร้านค้า ประหยัดเวลาในการจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหมื่นออเดอร์ เราพร้อมให้บริการที่ครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ!