อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าในยุคดิจิตัลนี้ การจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว เพราะทุกคนสามารถซื้อของจากที่ไหนก็ได้ เหล่าขาชอปต่างก็หันมาสั่งซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์กันมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่สะดวก ง่าย และรวดเร็ว และนั่นจึงทำให้ระบบการซื้อขายบนโลกออนไลน์ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของนักชอปและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขาย จนเกิดเป็น E-marketplace ขึ้นมา

วันนี้ Carry Fulfillment จะพาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าไปทำความรู้จักกับ E-marketplace เรียนรู้ประโยชน์ที่น่าสนใจจากการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกคนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดในยุคสมัยที่การค้าขายทำได้อย่างง่ายดาย


ชอปปิ้งออนไลน์ บน e-market place / online shopping on e-marketplace concept

E-Marketplace คืออะไร?

E-Marketplace หรือ Electronic Marketplace เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ อยู่ทั้งในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่อำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่ง E-marketplace นี้ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อจากทุกมุมโลก ตั้งแต่ลูกค้าในท้องถิ่น ในประเทศ ไปจนถึงต่างประเทศ 

แพลตฟอร์ม E-Marketplace นั้นเปรียบเหมือนตลาดนัดออนไลน์ เพราะเป็นที่ได้แหล่งรวบรวมร้านค้าไว้มากมาย ตั้งแต่ร้านเล็ก ๆ  ร้านตัวแทนจำหน่าย หรือแม้แต่แบรนด์ชั้นนำเอาไว้ อีกทั้งยังมีสินค้าอยู่หลากหลายประเภทไว้ที่เดียว ทำให้ผู้ซื้อสะดวกสบายมากขึ้น เพียงแค่เข้ามาที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเดียว ก็สามารถสั่งสินค้าได้ครบหมวดหมู่ตามความต้องการ 

ประโยชน์ของ E-Marketplace ต่อร้านค้า

1. เพิ่มโอกาสในการขาย 

เพราะ E-marketplace นั้นเป็นช่องทางออนไลน์ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายและดึงดูดฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น 

2. ไม่มีหน้าร้านก็ขายสินค้าได้

สำหรับร้านค้าเล็ก ๆ ที่อยากทำการขายสินค้า แต่งบประมาณไม่พอในการเปิดหน้าร้าน การใช้ E-marketplace ถือเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะสามารถลงขายสินค้าบนแพลตฟอร์มได้เลย

3. ศึกษาคู่แข่งได้ง่าย ๆ

ผู้ขายสามารถศึกษาตลาดและคู่แข่งได้ง่าย ๆ อย่างการเปรียบเทียบราคาหรือการจัดโปรโมชัน จากร้านค้าคู่แข่งที่ทำการค้าขายที่อยู่บน E-marketplace เดียวกัน เพื่อเป็นการปรับตัวให้ทันตลาด

4. สะดวกสบายทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย

เพราะ E-Marketplace มีระบบการซื้อขายแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่ระบบช่วยจัดการคำสั่งซื้อ การชำระเงิน และการจัดส่งสินค้าได้อย่างอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทันที และผู้ขายก็ไม่จำเป็นต้องคอยมาเปิดหน้าเว็บเพื่อตรวจสอบตลอดเวลา ทำให้ร้านค้าสามารถมุ่งเน้นไปที่การผลิตสินค้าและบริการได้มากขึ้น

5. สร้างความน่าเชื่อร้านผ่านระบบ “รีวิว”

ระบบการ ‘รีวิว’ บน E-Marketplace นั้นถือว่าเป็นประโยชน์ทั้งทางผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะลูกค้าสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้จากการรีวิวของลูกค้าคนอื่นๆ อีกทั้งฝั่งผู้ขายเองก็สามารถนำ Feedback เหล่านั้นไปพัฒนากลยุทธ์และบริการของร้านค้าให้ดีขึ้นไปได้อีกด้วย 

6. มีตัวช่วยทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ 

บนแพลตฟอร์ม E-Marketplace นั้นมีเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถโปรโมทสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ SEO, การโฆษณาออนไลน์, และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เป็นต้น 

7. มีบริการเสริมจากแพลตฟอร์ม 

E-Marketplace มักมีบริการเสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น เช่น บริการจัดส่ง บริการเก็บเงินปลายทาง และบริการสนับสนุนลูกค้า เป็นต้น 


นักชอปออนไลน์ / online shopper

อยากขายของบน E-Marketplace ต้องเตรียมอะไรบ้าง

จากที่เราได้รู้ถึงประโยชน์ของการขายของบน E-marketplace แล้ว คงจะมีหลาย ๆ คนที่เริ่มอยากทำการขายบนแพลตฟอร์มนี้กันบ้างแล้ว แต่ก่อนที่เราจะขายได้ ต้องมีการเตรียมข้อมูลกันสักนิดก่อนนะครับ ซึ่งข้อมูลสำคัญ ๆ ที่ทางร้านค้าต้องเตรียมมีดังนี้:

  • ข้อมูลของเจ้าของร้านค้า: เพราะก่อนที่เราจะเริ่มขายได้ ทางแพลตฟอร์มนั้นต้องให้ทางร้านค้าทำการยืนยันตัวตนก่อน ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็อาจมีนโยบายนที่ต่างกัน ตรงนี้อาจต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม ตามแพลตฟอร์มที่สนใจ แต่โดยพื้นฐาน การยืนยันตัวตนนั้นมีอยู่ 2 รูปแบบนั่นคือ
    • เจ้าของร้านเป็นบุคคลธรรมดา: เตรียมสำเนาบัตรประชาชน 
    • เจ้าของร้านเป็นนิติบุคคล: เตรียมหนังสือรับรองบริษัท และอาจมีเอกสารอื่น ๆ ตามที่แพลตฟอร์มกำหนด
  • ข้อมูลการรับชำระเงิน: ร้านค้าต้องส่งเอกสารบัญชีรับเงินไปยังแพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อใช้ในการถอนเงินจากที่ขายสินค้าได้
  • ข้อมูลสินค้า: แน่นอนว่าในการทำการขายสินค้า จะขาดข้อมูลเหล่านี้ไปไม่ได้ ซึ่งหากทางร้านค้ามีรายละเอียดที่ครบถ้วนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ดีมากขึ้น ข้อมูลสินค้านั้นนับตั้งแต่ ชื่อสินค้า รูปภาพ คุณสมบัติ ขนาด การใช้งาน(ถ้ามี) ราคา เป็นต้น 
  • ช่องทางการติดต่อร้านค้า: แม้โดยปกติของแพลตฟอร์มจะมีฟีเจอร์ช่องแชทให้ลูกค้าได้คุยกับร้านค้า แต่หากร้านค้ามีช่องทางติดต่อที่อื่น ๆ ไว้ให้ด้วยนั้นก็ถือเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ร้านค้าได้ด้วยเช่นกัน 
  • ข้อมูลการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: เป็นข้อกฎหมายกำหนด ร้านค้าออนไลน์ทุกร้านจะต้องลงทะเบียนให้ถูกต้อง

E-Marketplace ที่นิยมในประเทศไทย

Shopee

shopee

แอปส้มหรือ Shopee เป็น E-Marketplace ที่โด่งดังและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยด้วยเช่นกัน Shopee นั้นมีฟีเจอร์ที่กระตุ้นการขายได้อย่างดี ตั้งแต่การเก็บโค้ดส่งฟรี โค้ดส่วนลด โค้ดรับเงินคืน หรือจะทำการไลฟ์ขายของก็ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสะดวกมาก ๆ สำหรับร้านค้าทุกขนาด 

สำหรับใครที่สนใจขายของบน Shopee แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เข้ามาทำความเข้าใจขั้นตอนเบื้องต้นง่าย ๆ ได้ที่บทความการขายของบน Shopeeของเราได้เลยนะครับ 


Lazada 

lazada
Screenshot

อีกหนึ่ง E-marketplace ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แอปส้มนั้นคือ แอปน้ำเงินอย่าง Lazada ซึ่งอยู่ในเครือของ Alibaba แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังจากจีนนั่นเอง บนแพลตฟอร์ม Lazada นั้นมีร้านค้าออนไลน์มากกว่า 100,000 ร้านค้า มีตั้งแต่แบรนด์เล็ก ๆ ไปจนถึงกลุ่ม LazMall Official Brand และ LazMall Premium Mall ที่ร่วมมือกับแบรนด์ดังโดยตรง ทำให้เป็นอีก E-marketplace ที่มีความหลากหลาย แถมบนแพลตฟอร์มยังมีการจัดแคมเปญส่วนลดอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย  

สามารถศึกษาการเริ่มต้นขายของบน Lazada ได้ที่บทความของเราเพิ่มเติมได้เลยนะครับ

รู้หรือไม่?

แอปพลิเคชันสั่งอาหารอย่าง Line Man, Robinhood และ Grab นั้นก็ถือเป็นแพลตฟอร์ม E-Marketplace ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น 


E-Marketplace ต่างจาก E-Commerce หรือไม่? 

หลายคนอาจเกิดคำถามว่าแล้ว E-marketplace และ E-commerce นั้นแตกต่างกันยังไง เพราต่างก็เป็นขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตเหมือนกัน Carry Fulfillment จะมาสรุปให้ดังนี้ครับ 

E-Marketplace

E-Marketplace เป็นแพลตฟอร์มที่รวมสินค้าจากร้านค้าหลายร้านเข้าด้วยกันในที่เดียว โดยมีลักษณะดังนี้:

  1. การรวมร้านค้าหลายร้าน: E-Marketplace ให้ร้านค้าหลายร้านมาขายสินค้าบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ทำให้มีสินค้าหลากหลายและครอบคลุม
  2. การจัดการโดยแพลตฟอร์ม: E-Marketplace มักมีการจัดการคำสั่งซื้อ การชำระเงิน และบางครั้งมีบริการจัดส่งสินค้าหรือการสนับสนุนลูกค้า
  3. การตลาดและโฆษณาร่วมกัน: แพลตฟอร์มช่วยทำการตลาดและโฆษณาให้กับร้านค้าที่เข้าร่วม ทำให้ร้านค้าได้รับการโปรโมทไปพร้อมกับแพลตฟอร์ม
  4. ความน่าเชื่อถือ: การที่อยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ทำให้ร้านค้าได้รับความเชื่อถือจากลูกค้ามากขึ้น
  5. ตัวอย่าง: Lazada Shopee

E-Commerce

E-Commerce หมายถึงการทำธุรกรรมการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าออนไลน์ที่ดำเนินการโดยร้านค้าแต่ละราย โดยมีลักษณะดังนี้:

  1. การดำเนินการร้านค้าเดียว: ร้านค้าแต่ละร้านจะมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของตัวเองที่ใช้ในการขายสินค้า
  2. การจัดการแบบอิสระ: ร้านค้ามีการจัดการและควบคุมทุกด้านของธุรกิจเอง เช่น การจัดการสินค้า คำสั่งซื้อ การชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า
  3. ความรับผิดชอบต่อการตลาดและการโฆษณา: ร้านค้าต้องทำการตลาดและโฆษณาเองเพื่อดึงดูดลูกค้า
  4. ตัวอย่าง: Amazon (ร้านค้าของ Amazon เอง), ร้านค้าออนไลน์ส่วนตัว (เช่น ร้านขายเสื้อผ้าที่มีเว็บไซต์ของตนเอง)

ความแตกต่างหลัก

  • การจัดการและควบคุม: E-Commerce ร้านค้าจัดการทุกอย่างเอง ส่วน E-Marketplace แพลตฟอร์มจัดการหลายส่วนให้
  • โครงสร้างพื้นฐาน: E-Commerce เป็นการขายผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของร้านค้าเดียว ส่วน E-Marketplace เป็นการขายผ่านแพลตฟอร์มที่มีร้านค้าหลายร้านรวมกัน
  • การตลาดและโฆษณา: E-Commerce ร้านค้าต้องทำการตลาดเอง ส่วน E-Marketplace แพลตฟอร์มช่วยทำการตลาดให้

โดยสรุปแล้ว E-Marketplace นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่รวมร้านค้าหลายร้านมาไว้ในที่เดียวกัน ทำให้มีความหลากหลายและความสะดวกสบายสำหรับลูกค้าและร้านค้า ส่วน E-Commerce เป็นการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของร้านค้าเอง ที่ต้องมีการจัดการและควบคุมทุกด้านของธุรกิจด้วยตนเองนั่นเอง 


การใช้งาน E-Marketplace นั้นมีข้อดีมากมายสำหรับธุรกิจออนไลน์ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มช่องทางในการขายเท่านั้น แต่ยังช่วยลดขั้นตอน ความยุ่งยากที่อาจเกิดจากการขายแบบเดิม นอกจากนี้ก็ช่วยการเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขายได้อย่างดี แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อการทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถแข่งขันได้ในระดับเดียวกันบนโลกออนไลน์ 

และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าบน E-marketplace ก็อย่าลืมให้ความสำคัญจัดการ จัดเก็บ และส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง Carry Fulfillment เองก็มีบริการที่ครบวงจรที่ช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแม่นยำและราบรื่น สามารถศึกษาบริการของเราเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ