
อาชีพขายของออนไลน์ เป็นทั้งอาชีพเสริมและอาชีพหลักของใครหลายคน ด้วยโอกาสที่มากมายทำให้มีคนหันมาเริ่มต้นขายของออนไลน์เป็นจำนวนมาก การแข่งขันในตลาดก็สูงขึ้น ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าต่างต้องหาเทคนิคการขายของออนไลน์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของลูกค้า และปิดการขายให้ได้มากขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่า มีเทคนิคการขายของออนไลน์ยังไง โดยเฉพาะมือใหม่ ที่อยากเพิ่มกำไร เพิ่มยอดขายให้ปังยิ่งขึ้น
เทคนิคการขายของออนไลน์สำหรับมือใหม่
1. สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า

ด้วยตลาดขายของออนไลน์ที่ขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน การกระโดดเข้ามาทำธุรกิจในตลาดนี้แต่ไม่สร้างตัวตัว เป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดในระยะยาว ดังนั้นเทคนิคขายของออนไลน์สำหรับมือใหม่ เมื่อตัดสินใจเข้ามาในตลาดแล้ว อย่างแรกที่ควรทำคือการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์สินค้าและร้านค้าของตัวเอง เพื่อสร้างตัวตนให้เป็นที่จับตามองในตลาด
สำหรับเทคนิคขายของออนไลน์ข้อนี้ สามารถเริ่มต้นด้วยการวาดภาพแบรนด์ของตนเอง เลือกสีที่เป็นสีประจำแบรนด์ ให้สอดคล้องกับสินค้าที่ขาย รวมไปถึงการกำหนดกลุ่มลูกค้าหรือภาพของคนที่จะซื้อสินค้าของเราให้ชัดเจน เช่น ขายเสื้อยืดแบบ Oversize ให้กับนักเรียนวันมัธยม อาจเลือกใช้สีสดใสอย่างสีชมพู สีเหลือง เมื่อได้สีที่ต้องการแล้ว ก็จะสามารถนำไปใช้กับรูปโปรไฟล์ในช่องทางต่าง ๆ หรือใช้ทำแพ็กเกจสินค้า เมื่อลูกค้าซื้อแล้วก็จะมีภาพจำของร้านที่ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
2. ตั้งชื่อร้านให้น่าจดจำ เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
ชื่อร้านถือเป็นด่านแรกที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า การตั้งชื่อร้านให้จำง่าย ไม่ซ้ำใคร และสื่อถึงตัวตนของสินค้าได้ชัดเจน จะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้นในระยะยาว เทคนิคการขายของออนไลน์ข้อนี้อาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่ในตลาดที่ผู้บริโภคเห็นร้านค้าหลายร้อยร้านต่อวัน การมีชื่อที่โดดเด่น เช่น สั้น กระชับ และเรียกง่าย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อร้านของคุณกับคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
อ่านต่อ: 11 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ มีชื่อร้านเก๋ ๆ จำง่าย ขายดีชัวร์!
3. เข้าถึงลูกค้าด้วยการใช้แพลตฟอร์ม E-Marketplace
เทคนิคขายของออนไลน์อีกหนึ่งข้อที่ไม่นำมาแนะนำไม่ได้คือ การขยายฐานลูกค้าโดยการเปิดร้านตาม E- Marketplace ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, TikTok, NocNoc หรืออื่น ๆ เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีฐานลูกค้าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว การเข้าไปเปิดร้านออนไลน์ก็เหมือนการเอาร้านไปตั้งในจุดที่ลูกค้าเดินผ่านมากขึ้น ทั้งนี้แลกกับการจ่ายค่าคอมมิชชันในแต่ละออเดอร์ให้กับแพลตฟอร์ม แต่สามารถประหยัดงบการทำการตลาดได้ส่วนหนึ่ง แถมยังทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้าน ซื้อ และชำระเงินสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. เน้นการรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง

ปัจจุบันผู้ซื้อเรียนรู้กลไกการขายของออนไลน์และค่อนข้างระมัดระวังเรื่องการซื้อสินค้าต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อจึงทำการหาข้อมูล ดูรีวิว และเปรียบร้านค้าก่อนเสมอ ดังนั้นอีกหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ที่จะทำให้ผู้ซื้อหันมาสนใจแบรนด์ของเราก็คือ การเน้นให้ผู้ซื้อรีวิวสินค้าจริง หรือทำคอนเทนต์โดยเน้นการนำรีวิวจริงมาบอกต่อในช่องทางโซเชียลต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram story, TikTok ฯลฯ นอกจากนี้อาจเพิ่มลูกเล่นให้กับเทคนิคการขายข้อนี้ โดยการทำโปรโมชันรีวิวแล้วได้รับส่วนลดสำหรับครั้งถัดไป หรือได้รับของแถมต่าง ๆ ในครั้งถัดไปก็ได้เช่นกัน วิธีนี้จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำในครั้งถัดไป แถมได้รีวิวจริงเพื่อทำโฆษณาต่ออีกด้วย
5. เน้นไลฟ์สด (Live) ขายของเพิ่มยอดขาย
การไลฟ์ขายของเป็นอีกหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ที่ทำให้หลายคนทำยอดขายพุ่งได้ นอกเหนือจากการโพสต์ภาพสินค้าพร้อมรายละเอียดทั่วไป หรือการยิงแอดเพื่อให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมายเท่านั้น โดยข้อดีของการไลฟ์ขายของเป็นการกระตุ้นยอดขายได้ดีอีกทางหนึ่ง ซึ่งเทคนิคในการขายของผ่านการไลฟ์ นอกจากการไลฟ์แนะนำสินค้าหรือโปรโมชันแล้ว จำเป็นจะต้องมีการพูดคุยเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าอยู่ในไลฟ์นาน ๆ นอกจากนี้เทคนิคขายของผ่านไลฟ์ให้ปัง ยังต้องรู้ว่าควรจัดวางสินค้ายังไงให้ดูน่าซื้อพร้อมทั้งรู้ว่าควรไลฟ์เวลาไหนในแต่ละแพลตฟอร์ม รวมถึงไลฟ์อย่างสม่ำเสมออีกด้วย
อ่านต่อ:
- 9 เทคนิคไลฟ์สดขายเสื้อผ้า Live สด ยังไงให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
- 7 เทคนิค Live สด แบบมือโปร | ไลฟ์สดยังไงให้ยอดคนดู-ยอดขายพุ่ง!
- 12 ไมค์ไลฟ์สด 2025 | ยี่ห้อไหนดี เสียงชัด ตัดเสียงรบกวน ร้านค้าต้องมี!
6. ทำโปรโมชั่นเพิ่มมูลค่าตะกร้าสินค้า
มาถึงเทคนิคการขายของทั้งออนไลน์และแบบออฟไลน์อีกข้อที่ใช้ได้เสมอคือ การทำโปรโมชันสินค้า ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจสินค้าและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างการทำโปรโมชันสินค้า เช่น การลดราคา การซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 การซื้อ 2 ชิ้นถูกกว่า ฯลฯ การเลือกใช้กลยุทธ์โปรโมชันขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าด้วย และจำเป็นต้องคำนวณต้นทุนให้ดีเพื่อไม่ให้ขาดทุนในภายหลัง นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำโปรโมชันคือการตั้งเป้าหมาย เช่น ต้องการเพิ่มยอด ต้องการเพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย ต้องการให้ลูกค้าทดลองสินค้าชิ้นใหม่ ฯลฯ เพื่อจะได้จัดโปรโมชันที่ตรงวัตถุประสงค์ของแบรนด์หรือร้านค้ามากที่สุด
อ่านต่อ:
- แชร์ไอเดีย จัดโปรโมชั่นร้านค้าออนไลน์ 14 กลยุทธ์กระตุ้นยอดขายให้ปัง!
- Free Shipping เทคนิคดึงดูดลูกค้า และเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์จัดส่งฟรี
- ทำความรู้จัก Flash Sale กลยุทธ์เร่งยอดขาย สร้างกำไรแบบก้าวกระโดด
- Mid Month Sale กลยุทธ์ปลุกยอดขายกลางเดือนสำหรับร้านค้าออนไลน์
- 5 ไอเดียจัดโปรหน้าฝน ขายของออนไลน์หน้าฝนยังไงไม่ให้ยอดขายตก
7. ตั้งราคาให้ขายง่าย ใช้จิตวิทยาสร้างความคุ้มในสายตาลูกค้า
การตั้งราคาสินค้าไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ควรใช้จิตวิทยาการตั้งราคา เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น การตั้งราคา 199 แทน 200 ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกกว่า ทั้งที่ต่างกันเพียง 1 บาท นอกจากนี้ การวิเคราะห์ราคาของคู่แข่งใน Marketplace ก็สำคัญมาก โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ร้านค้าอาจใช้วิธีตั้งราคาพร้อมของแถม หรือขายแบบ Bundle Deal เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เช่น ชุดเซ็ตดูแลผิวหน้าแทนการขายแยกรายชิ้น นอกจากช่วยให้ราคาดูคุ้มค่าแล้ว ยังเพิ่มยอดคำสั่งซื้อเฉลี่ยได้อีกด้วย การตั้งราคาแบบมีกลยุทธ์นั้นจะช่วยให้ทั้งลูกค้าแฮปปี้ และแบรนด์ของคุณมีกำไรที่ยั่งยืนอีกด้วย
อ่านต่อ: 5 กลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าพิชิตใจลูกค้า! พร้อมตัวอย่างการปรับใช้
8. ตอบแชทไว ได้ใจลูกค้า เพิ่มยอดขายด้วยบริการแบบมือโปร

ในโลกออนไลน์ ความเร็วคือความได้เปรียบ โดยเฉพาะในแชท ลูกค้าที่ทักมามักต้องการซื้อทันที การตอบช้าเกิน 5–10 นาทีอาจทำให้คุณเสียยอดขายให้ร้านคู่แข่งได้เลยทันที เทคนิคการขายของออนไลน์ที่ได้ผลดี คือการใช้ระบบแชทบอทหรือ auto-reply ช่วยตอบคำถามเบื้องต้นแบบมืออาชีพ พร้อมแนบลิงก์สินค้า โปรโมชัน หรือคำถามที่พบบ่อยให้ครบ นอกจากนี้ยังควรฝึกเทคนิคการตอบแชทแบบปิดการขายไว้ด้วย เช่น การย้ำจำนวนสินค้าที่เหลือ หรือบอกเวลาสิ้นสุดโปร เพื่อกระตุ้นให้ลูก้าตัดสินใจเร็วขึ้น ยิ่งคุณดูแลลูกค้าได้ไวและมืออาชีพเท่าไหร่ โอกาสปิดการขายก็ยิ่งสูงขึ้น และยังช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้อีกด้วย
อ่านต่อ: 11 เทคนิค ตอบแชทลูกค้าให้ปิดการขายได้ทุกเคส!
9. สต๊อกเป๊ะ ส่งไว! ขายของออนไลน์อย่างมืออาชีพด้วยระบบ Fulfillment
อีกหนึ่งปัญหาที่มือใหม่มักเจอคือของหมดโดยไม่รู้ตัว หรือส่งของผิดบ่อยจนลูกค้าคอมเพลน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของร้านโดยตรง ดังนั้นการมีระบบหลังบ้านที่ช่วยบริหารจัดการสต๊อกและจัดส่งอย่างมืออาชีพจึงเป็นเรื่องจำเป็น เช่น การใช้ระบบ WMS (Warehouse Management System) หรือ OMS (Order Management System) ที่ช่วยเช็กจำนวนสินค้าแบบเรียลไทม์ รวมออเดอร์จากทุกช่องทางไว้ที่เดียว และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Fulfillment เพื่อให้คุณโฟกัสแค่เรื่องการขาย ส่วนเรื่องแพ็ค ส่ง และเก็บของ ปล่อยให้มืออาชีพดูแล
อ่านต่อ:
- รู้จักกับ Fulfillment หรือบริการคลังสินค้า ตัวช่วยสำคัญของร้านค้าออนไลน์
- 12 สัญญาณที่ร้านค้าออนไลน์ควรใช้ Fulfillment Service เพื่อเพิ่มยอดขาย
10. ภาพสวย แคปชันปัง! คอนเทนต์ดีช่วยให้ขายง่ายขึ้นเยอะ
การขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่โพสต์รูปสินค้าและเขียนคำแคปชั่นแบบส่งๆ แต่คือการสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีสไตล์ ภาพถ่ายที่ดีควรถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ แสดงให้เห็นรายละเอียดของสินค้า และมีหลากหลายมุม ส่วนแคปชั่นควรเขียนให้น่าสนใจและชวนให้อยากซื้อ เช่น บอกถึงปัญหาที่สินค้าแก้ไขได้ หรือเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของสินค้าเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม แนะนำให้ใช้เทคนิค Storytelling ควบคู่กับ Call-to-Action เช่น “รีบเลย! เหลือไม่กี่ชิ้นแล้ว” หรือ “พร้อมส่ง ส่งฟรีวันนี้วันเดียว” เพราะคอนเทนต์ที่ดีจะช่วยปิดการขายได้โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาแพงๆ และยังช่วยให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือและน่าติดตามในระยะยาวอีกด้วย
อ่านต่อ:
- ขายของออนไลน์ต้องดู! แชร์เทคนิค วิธีถ่ายรูปสินค้าให้สวย
- เขียนแคปชันขายของยังไงให้โดน! แจกเทคนิคที่ร้านค้าออนไลน์ใช้ได้จริง
ความรู้เกี่ยวกับการขายของออนไลน์

นอกจากเรื่องของเทคนิคขายของต่าง ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้แล้ว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่หรือมือเก่าก็ตาม ควรมีการอัปเดตความรู้เกี่ยวกับการขายของออนไลน์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใหม่ ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยการเปิดร้านตามแพลตฟอร์มใหม่ ๆ หรือสร้างบัญชีออนไลน์เพื่อให้ร้านอยู่ในสายตาของลูกค้าเสมอ นอกจากนี้อาจศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการยิงแอดโฆษณาก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคดี ๆ ในการเพิ่มยอดขายให้ร้านได้
แต่นอกจากการทำความเข้าใจเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอแล้ว เทคนิคขายของออนไลน์อีกอย่างคือการพัฒนาตัวสินค้าให้ทันสมัย อยู่ในกระแส และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงความรู้ด้านการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า การขนส่งและอีกมากมาย ที่หากบริหารได้ตรงจุดจะช่วยประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
สำหรับร้านค้าร้านไหนที่อยากโฟกัสกับการขายให้เต็มที่ โดยไม่ต้องจัดการเรื่องแพ็คของหรือส่งของเอง ลองใช้บริการจาก Carry Fulfillment ผู้ช่วยหลังบ้านสำหรับร้านค้าออนไลน์ ที่ดูแลครบจบในที่เดียว ทั้งจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้าให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทําให้ร้านค้า ประหยัดเวลาในการจัดการออเดอร์ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหมื่นออเดอร์ เราพร้อมให้บริการที่ครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่นี่เลยครับ!